นาย Andrew Henderson ผู้ก่อตั้งบริษัท Nomad Capitalist ซึ่งเป็น บริษัทที่ช่วยเหลือผู้คนจากทั่วโลกให้ย้ายไปยังประเทศต่างๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาบริษัทของเขาได้สร้างแผนสำหรับผู้คนหลาย ๆ คนโดยเฉพาะนักลงทุนในคริปโตเคอเรนซี่และ Bitcoin รวมถึวเจ้าของธุรกิจและผู้กี่ยวข้องในคริปทั้งหลายโดยเฉพาะอย่างยิ่งการย้ายออกจากประเทศสหรัฐอเมริกาว่าทำไมหลายคนถึงอยากย้ายออกกันและมีขั้นตอนอย่างไร
การเป็นพลเมืองสหรัฐนั้นมีราคาแพง
สิ่งที่เป็นเรื่องที่คนอเมริกันมีไม่เหมือนใครเลยนั้นก็คือการเก็บภาษีที่ไม่ว่าพวกเขาจะไปอยู่ที่ไหนในโลกพวกเขาก็ยังจำเป็นที่จะต้องจ่ายภาษีให้กับประเทศสหรัฐอยู่ดีซึ่งรวมถึงกฏหมายที่เกี่ยวข้องกับ Cryptocurrency ที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งตรงกันข้ามกับประเทศส่วนใหญ่ที่การจ่ายภาษีนั้นจะขึ้นอยู่กับที่อยู่อาศัย
การปฏิรูปภาษีของทรัมป์ทำให้การเก็บภาษี cryptocurrencies แย่ลงตามข้อมูลของนาย Andrew Henderson ดังนั้นหากคุณเป็นชาวอเมริกันที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศและมีรายได้จาก Cryptocurrency ยังไงคุณก็ต้องจ่ายภาษีให้กับประเทศอยู่ดี
“โดยทั่วไปคุณไม่มีทางหนีภาษีได้เลยแม้ว่าคุณจะอยู่ในวงการคริปโต และอาศัยอยู่นอกประเทศสหรัฐอเมริกา 365 วันก็ต่อไปก็ตาม ซึ่งอาจจะยังต้องจ่ายภาษีจำนวนมากให้กับการเทรดคริปโตของคุณอีกด้วย”
Andrew Henderson ยังได้บอกอีกด้วยว่าเห็นได้ชัดว่าบางคนพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการรายงายผลกำไรหรือรายได้จาก Cryptocurrency ของพวกเขาให้กับทางรัฐบาลและการหลีกเลี่ยงเหล่านี้เองที่จะทำให้ในอนาคตพวกเขาจะมีปัญหาทางกฏหมายได้
นอกจากปัญหาเรื่องภาษีแล้ว พวกเขายังต้องพบเจอกับปัญหาเรื่องของการทำงานที่พวกเขาสามารถทำได้เนื่องจากว่า บริษัทที่ชาวสหรัฐจะเข้าไปทำงานนั้นบางทีก็ไม่กล้ารับพวกเขาเพราะกลัวว่าจะต้องทำตามข้อปฏิบัติตามกฏระเบียบของอเมริกาที่มีความยุ่งยาก
นอกจากนี้แล้วการจะลงทุน ICO บางทีก็ยากเพราะคนสหรัฐอเมริกันถูกห้ามไม่ให้ลงทุน นอกจากนี้แล้วยังมีในเรื่องของการเปิดบัญชีกับธนาคารทั่วโลกทีบางแห่งนั้นไม่เปิดให้คนอเมริกันเปิดบัญชีกับพวกเขาโดยนาย Andrew Henderson ได้บอกไว้ว่า :
“มีสถาบันการเงินมากมายทั่วโลกที่มองว่าพลเมืองของสหรัฐอเมริกาเป็นเรื่องยุ่งยากและผมคิดว่าสหรัฐฯอาจทำให้กฎระเบียบยากขึ้นสำหรับผู้คนในอนาคตอีก”
แล้วพวกเขาจะย้ายไปที่ไหนดีล่ะ?
สำหรับคนที่ไม่ได้ต้องการซื้อขายคริปโตไม่มากนักหรือเท่าที่จำเป็น นาย Andrew Henderson ได้บอกว่ามันก็สมเหตุสมผลที่ควรจะมีสัญชาติด้วยลงทุนผ่าน investment program
“โดยทั่วไปแล้วแถบ แคริบเบียน นั้นดีพอดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องไป มอลตา โดมินิกา, เซนต์ลูเซีย, แอนติกา เพราะแถบแคริบเบียน เป็นตัวเลือกที่ถูกที่สุดและมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยระหว่าง 2 แห่งนี้
จริง ๆ แล้วมันมีมีตัวเลือกหนังสือเดินทาง (Passport) มากมายที่สามารถใช้ได้ แต่ผมคิดว่าหากคุณมีคริปโตในปริมาณที่เหมาะสมคุณก็ควรเป็นพลเมืองด้วยการลงทุน ซึ่งมันจะมีผลทันทีและช่วยให้คุณได้ลดต้นทุนครับ”
สำหรับนักลงทุน Cryptocurrency การย้ายที่อยู่อาศัยใหม่นั้นมีอยู่ทุกที่บางคนถึงกับกลายเป็นนักเดินทางที่ใช้หนังสือเดินทางของ Dominican และเดินทางไปรอบโลก อย่างไรก็ตามคนส่วนใหญ่ต้องการอยู่ในประเทศที่ไม่ต้องเสียภาษี
“สิ่งที่ผมแนะนำคือการย้ายทุก ๆ 4 เดือนอย่างเช่นผมกับภรรยาของผมอยู่ในมาเลเซียเป็นเวลาสี่เดือน พวกเราอาศัยอยู่ในมอนเตเนโกรเป็นเวลาสี่เดือน และเป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ “
แต่ถ้าหากคุณอย่างได้สัญชาตินั้นเพียงแค่คุณลงทุนในประเทศของพวกเขา มีหนังสือเดินทาง และอยู่ในประเทศของพวกเขาระยะเวลาเกินกว่า 5 ถึง 6 เดือน คุณก็จะได้สัญชาติของประเทศนั้นไปแล้วซึ่งขึ้นอยู่กับวิธีการจัดการเอกสารของประเทศนั้น ๆ ด้วยตามที่ Henderson กล่าว ซึ่งบริษัทของเขาเองนั้นสามารถดำเนินการเรื่องราวขั้นตอนเอกสารได้อย่างรวดเร็วกว่าที่พวกเขาไปทำเองนั้นก็เป็นเพราะว่าบริษัท Nomad Capitalist รู้วิธีกรอกเอกสารจำนวนมากที่เกี่ยวข้อง
เท่าไหร่ถึงจะคุ้มค่ากับการสละสัญชาติอเมริกัน ?
Henderson ถูกถามว่าแล้วคนหนึ่งคนต้องมีมูลค่าการลงทุนในคริปโตเท่าไหร่ถึงจะคุ้มกับการสละสัญชาติเขาได้ตอบว่า
“ผมว่ามันเป็นเหมือนกับกรมธรรม์ประกันภัย คุณต้องรู้ก่อนคุณต้องการเท่าไหร่ในการทำประกันภัยรถยนตร์เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกฟ้องหากคุณไปชนใครเขา กรณีนี้ก็เหมือนกัน มันเป็นการตัดสินใจส่วนตัว ผมคิดว่าถ้าคุณมีเงินหนึ่งล้านดอลลาร์คุณควรมีหนังสือเดินทางเล่มที่ 2 หากคุณไม่ต้องการละทิ้งสัญญาชาติเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาด้านภาษี คุณควรหาประเทศที่ทำงานเพื่อทำหนังสือเดินทางเล่มที่สองผ่านการเปลี่ยนแปลงสัญชาติได้”
นอกจากนี้เขายังแนะนำอีกว่าควรให้ยื่นขอไปสัก 2 ถึง 3 ประเทศเพื่อความมั่นใจว่าคุณจะได้ที่ใดที่หนึ่งและหากคุณจ่ายภาษี 100,000 ดอลลาร์ เพื่อซื้อสัญชาติด้วยการลงทุน มันจะให้ผลตอบแทน 100 เปอร์เซ็นต์จากการลงทุนตาม Henderson บอกนอกเหนือจากว่าคุณจะไม่ได้ทำตามระบบของเขา
“จริง ๆ แล้วสมการเหล่านี้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลมีบางคนที่บอกกับผมว่า ‘ฟังนะผมไม่สนใจว่าจะประหยัดไปได้สักกี่ 10 ล้านดอลลาร์หรือไม่ แต่สัญชาติอเมริกันของฉันมีค่ามากกว่านี้’ ผมเชื่อแบบไม่ต้องสงสัยเลยว่ามีคนจีนมากมายที่ยอมใจ 10 ล้านดอลลาร์เพื่อให้ได้มาซึ่งสัญชาติอเมริกันเพราะเรื่องนี้เป็นเหมือนเรื่องส่วนตัวของแต่ละคน
สำหรับผมแล้วถ้าหากว่าผมสามารถทำ ROI ได้ภายใน 6 เดือนหรือน้อยกว่านั้นแล้วมันคุ้มค่า และคุณยังรู้อีกด้วยว่าจะประหยัดเท่าไหร่ในระยะยาวของทุก ๆ ปี ทั้งยังได้ปลดปล่อยตัวเองออกจากสิ่งที่ผมเรียกว่า ‘แฟนเก่าโรคจิต’ (การจ่ายภาษีอเมริกัน) มันก็คุ้มค่าครับ”
สำหรับปฏิกิริยาของลูกค้าต่อการได้รับการบอกกล่าวว่าควรยกเลิกการเป็นพลเมืองสหรัฐ เฮ็นเดอร์สัน กล่าวว่ามันทำให้เขาได้เรียนรู้พฤติกรรมของมนุษย์หลายอย่างโดยเฉพาะผู้ชายนั้นในตอนแรกพวกเขาจะบอกว่าได้และพร้อมที่จะยกเลิกและซื้อหนังสือเดินทางใหม่ ทว่าเมื่อพวกเขาได้รับคำแนะนำจากทีมของเราไปเรื่อย ๆ เรามักจะได้ยินว่า ‘อืมม ผมเป็นกังวลกับสิ่งนี้’ เมื่อเราพูดว่าการถอนสัญชาติเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ผู้คนมักจะเป็นกังวลและพวกเขาทำให้กระบวนการทำงานของเราช้าลง ปัญหาคือคุณจะไม่รู้ว่ามันทำงานได้จนกว่าคนจะได้ลองทำมันสักที
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น