ที่จริงแล้ว Cameron และ Tyler Winklevoss ถือได้ว่าเป็นคนดังทีเดียวเนื่องจากทั้งสองได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของแนวคิดในการสร้างเฟสบุ๊ก (Facebook) เครือข่ายสังคมที่ใหญ่ที่สุดในปัจจุบัน ก่อนที่แนวคิดดังกล่าวจะหลุดมาถึงมือของ Mark Zuckerberg อีกทั้งพวกเขายังเข้าซื้อ Bitcoin ตอนที่ราคามันอยู่เพียง 8 ดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น
ในระหว่างการให้สัมภาษณ์กับ CNN เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2019 ฝาแฝดได้เปิดเผยว่าพวกเขาจะเข้าร่วมการเป็นพาร์ทเนอร์กับ Libra ของ Facebook พวกเขาได้ก่อตั้งกระดานแลกเปลี่ยนชื่อดังอย่าง Gemini และมีจุดประสงค์ในการก่อตั้งบริษัทคือต้องการให้การซื้อคริปโตมันง่ายเหมือนกับการซื้อหุ้น นอกจากนี้กระดานแลกเปลี่ยนยังได้ให้ความสำคัญกับสถาบันการศึกษาและเปิดตัว stablecoin เป็นของพวกเขาเองในชื่อ Gemini USD (GUSD)
ยุติความบาดหมางที่เคยมีในอดีต
ฝาแฝดยืนยันว่าการฟ้องร้องคดีเกี่ยวกับ Facebook ก่อนหน้านี้เป็นเพียงแค่เรื่องราวในอดีตและพวกเขายินดีที่จะให้ความร่วมมือกับ Libra แต่เรื่องที่น่าสนใจก็คือ Gemini ติดต่อมาหา Facebook เองเพื่อร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับ Libra อย่างไรก็ตามพวกเขากำลังรอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรเจคก่อนที่จะตัดสินใจในขั้นตอนสุดท้าย
Cameron Winklevoss เชื่อว่าสักวันหนึ่งคริปโตเคอเรนซี่จะเข้ามาแทนที่เงินสด ซึ่งวิสัยทัศน์ของเขาไม่ได้ห่างไกลจากความเป็นจริงมากนัก โดยการใช้งานของคริปโตเคอเรนซี่ (นอกจากการชำระเงินแบบ peer-to-peer แล้ว) มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
Gemini ได้เปิดตัวแคมเปญโฆษณาที่เรียกร้องให้มีกฎระเบียบสำหรับคริปโตเคอเรนซี่และโปรโมทกระดานแลกเปลี่ยนของพวกเขาผ่านแบนเนอร์โฆษณาบนรถไฟใต้ดินนิวยอร์ก
ในขณะที่เราพูดคุยกันถึงอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขนาดใหญ่ที่กำลังใกล้เข้ามา Cameron Winklevoss เชื่อว่า Amazon นั้นเหมาะสมที่สุดแล้วในการเปิดตัวคริปโตเคอเรนซี่เพื่อมาแข่งขันกับ Libra เพราะ Amazon เป็นแบรนด์ที่ยอดเยี่ยมและได้รับความเชื่อถือจากภาคครัวเรือนมากกว่า นอกจากนี้เขายังเน้นย้ำว่าบริษัทยักษ์ใหญ่จากอุตสาหกรรมอื่น ๆ อาจมองหาวิธีการเปลี่ยนไปใช้โทเค็นตามที่เราเห็นจากข่าวลือของ Walmart
บริษัทอินเทอร์เน็ตและคริปโตเคอเรนซี่
Winklevoss เชื่อว่าบริษัทอินเทอร์เน็ตหลายแห่งอาจเริ่มหันมาใช้โทเค็นเป็นของตนเองด้วยวัตถุประสงค์เฉพาะอย่าง แต่มันอาจจะไม่ได้ทำให้แพลตฟอร์มของพวกเขามีประสิทธิภาพมากขึ้น
แนวคิดในการสร้างโทเค็นฟังดูดีบน white paper แต่ในความเป็นจริงมันจะลดความเร็วและประสิทธิภาพของการบริการมากมาย บริษัทควรมุ่งเน้นไปที่การสร้างผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยมที่สามารถชำระเงินโดยใช้ คริปโตเคอเรนซี่ แทนที่จะเริ่มต้นสร้างเหรียญเป็นของตัวเองซึ่งส่วนใหญ่เป็นแบบใช้แล้วทิ้ง (single-use)
ที่มา btcmanager.com
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น