ในขณะนี้ดูเหมือนว่ามอลต้ากำลังเตรียมที่จะกลายเป็นผู้นำของยุโรป เนื่องจากมีรายงานว่ามอลตากำลังเข้าสู่การเติบโตทางด้านเศรษฐกิจเป็นปีที่ 7 แล้วและคาดว่าเศรษฐกิจของเกาะมอลต้าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกกว่า 4.2% ในช่วงปี 2020 ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน
ตัวเลขการคาดการณ์นี้มาจากคณะกรรมาธิการแห่งสหภาพยุโรป โดยการคาดการณ์ทางด้านเศรษฐกิจนี้จัดทำขึ้นเพื่อกลุ่มประเทศสมาชิกในสหภาพยุโรป ในหัวข้อรายงานเรื่อง “การพยากรณ์เศรษฐกิจในฤดูใบไม้ร่วงประจำปี 2019 : เส้นทางที่ท้าทายข้างหน้า” บน Twitter ก่อนหน้านี้ :
Growth forecast in 2020 (%):
??4.2
??3.6
??3.5
??3.3
??3.0
??2.8
??2.7
??2.6
??2.6
??2.6
??2.6
??2.6
??2.4
??2.3
??2.2
??2.1
??1.7
??1.5
??1.5
??1.4
??1.4
??1.4
??1.3
??1.3
??1.1
??1.0
??1.0
??1.0
??0.4
Autumn #ECForecast ↓ https://t.co/HHdxA7oB8y— European Commission ?? (@EU_Commission) November 7, 2019
คณะกรรมาธิการสหภาพยุโรปหรือ EU ได้คาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจก่อนหน้านี้เพื่อดำเนินการต่อไปยังปี 2020 และ 2021 ที่คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตโดยรวมอยู่ที่ 1.2 เปอร์เซ็นต์ โดยลดลงจากระดับที่ประมาณการที่เอาไว้ ซึ่งมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 1.4 เปอร์เซ็นต์
นาย Valdis Dombrovskis รองประธานฝ่ายการเจรจาของยุโรป ได้อธิบายถึงเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังการคาดการณ์ของคณะกรรมาธิการว่า :
“เราอาจต้องเผชิญกับปัญหาวิกฤตในอนาคต : ช่วงเวลาที่มีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการค้าและความตึงเครียดทางการเมืองที่เพิ่มขึ้นและความอ่อนแอที่ยังคงอยู่ในภาคการผลิตและ Brexit”
การเติบโตที่น่าตื่นเต้นของเกาะมอลต้า
คณะกรรมาธิการสหภาพยุโรปได้เผยแพร่การคาดการณ์การเติบโตสำหรับในแต่ละประเทศสมาชิก ซึ่งผู้นำในกลุ่มนี้คือ เกาะมอลตาที่คาดว่าจะมีการเติบโตอยู่ที่ 4.2%
ความมั่งคั่งทางด้านเศรษฐกิจของเกาะมอลต้าดูเหมือนจะเป็นผลโดยตรงจากการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน ซึ่งทุกคนคงน่าจะคุ้นเคยกับคำว่า “blockchain island” กันดีอยู่แล้ว หรือที่เรียกว่าประเทศหมู่เกาะในยุโรปที่มีความกระตือรือร้นอย่างมากสำหรับการพัฒนากรอบการกำกับดูแลที่สนับสนุนอุตสาหกรรมบล็อกเชน
โดยทางรัฐบาลได้ผ่านการร่างกฏหมายสำหรับนวัตกรรมดิจิทัลแห่งมอลตา , กฎหมายการจัดการและให้บริการด้านนวัตกรรมและกฏหมายสินทรัพย์ทางการเงินเสมือนจริงในปี 2018 ซึ่งมาตรการทางกฎหมายเหล่านี้มักถูกเรียกว่าเป็นกรอบนวัตกรรมดิจิทัลที่ทำให้มอลตาแตกต่างกับหลาย ๆ ประเทศและทำให้มอลตากลายเป็นจุดหมายปลายทางที่ดึงดูดใจอย่างมากสำหรับบริษัทสตาร์ทอัพที่เกี่ยวข้องกับบล็อกเชน
สภาพแวดล้อมทางธุรกิจและกฎหมายที่เอื้ออำนวยในมอลตาทำให้บริษัทที่มีชื่อเสียงมาก ๆ ในวงการคริปโตได้ย้ายสำนักงานไปที่ “blockchain Island” รวมถึงกระดานแลกเปลี่ยน Cryptocurrency ยักษ์ใหญ่อย่าง Binance และ OKEx
นายกรัฐมนตรีของเกาะมอลตาก็ได้มีส่วนร่วมกับนวัตกรรม blockchain และ cryptocurrency ด้วยเช่นเดียวกัน โดยนาย Joseph Muscat ได้แถลงการณ์ในที่ประชุมแห่งสหประชาชาติว่า “การยอมรับ cryptocurrency นั่นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้”
อุตสาหกรรมอื่น ๆ ในมอลตา
แน่นอนว่าไม่ใช่เพียงแค่บริษัทบล็อกเชนเท่านั้นที่ก้าวเข้าสู่เกาะมอลตา แต่ยังมีอีกหลายอุตสาหกรรมที่เติบโตเพิ่มขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งนั่นคือธุรกิจการพนันออนไลน์ เนื่องจากสภาพแวดล้อมทางด้านกฎหมายและธุรกิจของมอลตาที่เอื้อให้กับผู้ประกอบการคาสิโนออนไลน์ในทั่วทุกมุมของโลก
ในปัจจุบันทั้งเทคโนโลยีบล็อกเชนและธุรกิจการพนันออนไลน์ต่างกำลังเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องภายใต้สภาพแวดล้ามด้านกฎระเบียบของเกาะมอลตา นอกจากนี้ธุรกิจการพนันออนไลน์ยังได้นำเสนอความท้าทายมากขึ้นโดยทำงานร่วมกับเทคโนโลยีบล็อกเชนในเรื่องของการชำระเงินออนไลน์ , ระบบความปลอดภัย , การสร้างความโปร่งใสและความไว้วางใจให้กับลูกค้า ซึ่งนั่นทำให้ธุรกิจคาสิโนออนไลน์กลายเป็นเพื่อนบ้านที่ดีสำหรับสตาร์ทอัพบล็อกเชนอย่างไม่ต้องสงสัย และไม่แน่ว่าในอนาคตเราอาจจะได้เห็นการทำงานร่วมกันของสองธุรกิจนี้มากขึ้นก็เป็นได้
ที่มา beincrypto
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น