ผู้ว่าการธนาคารกลางของยุโรปกล่าวว่าสกุลเงินดิจิทัลจะช่วยให้เรามั่นใจได้ว่าประชาชนจะยังคงใช้สกุลเงินของธนาคารกลางต่อไป แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ใช้เงินสดแล้วก็ตาม
ในการประชุมที่ร่วมกันจัดขึ้นระหว่างธนาคารกลางยุโรปและธนาคารแห่งชาติเบลเยียม นาย Benoît Cœuré สมาชิกคณะกรรมการบริหารฝ่ายต่างประเทศได้กล่าวว่าธนาคารจะทำเริ่มการตรวจสอบความเป็นไปได้ทั้งหมดของสกุลเงินดิจิทัลที่อาจส่งผลกระทบต่อระบบการเงินแบบดั้งเดิม
“สกุลเงินดิจิทัลประเภทนี้อาจมีรูปแบบการใช้งานที่หลากหลาย ซึ่งสิ่งที่ทางธนาคารกลางของยุโรปและธนาคารกลางอื่น ๆ กำลังตรวจสอบอยู่นั่นก็คือการคำนึงถึงผลกระทบในวงกว้างต่อระบบการเงินแบบดั้งเดิม” นาย Cœuré กล่าว
อย่างไรก็ตามเขาสนับสนุนให้บริษัทเอกชนยังคงดำเนินงานในพื้นที่ต่อไป
“แต่ความคิดริเริ่มธนาคารกลางที่มีโอกาสเกิดขึ้นนั่นก็ไม่ควรจะขัดขวางหรือแยกออกจากตลาดเอกชนแบบดั้งเดิมที่มุ่งเน้นในเรื่องของโซลูชั่นการชำระเงินรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ”
คำปราศรัยดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่มีการแต่งตั้งนาย Cœuré เป็นหัวหน้าศูนย์นวัตกรรมเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศในเดือนนี้
สิ่งนี้จะมีผลนับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2020 เป็นต้นไป โดยเขาจะนำความพยายามของสถาบันมาช่วยให้ธนาคารกลางสามารถสำรวจประโยชน์ของเทคโนโลยีทางการเงินอย่างเช่น คริปโตเคอเรนซี่
นอกจากนี้นาย Denis Beau รองผู้ว่าการธนาคารกลางคนแรกของฝรั่งเศสยังได้กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วด้วยว่า สหภาพยูโรปกำลังพิจารณาที่จะสร้างระบบการชำระหนี้ที่ทำงานร่วมกับระบบบล็อกเชนสำหรับเงินยูโรและมีแนวโน้มที่จะใช้ คริปโตเคอเรนซี่เพื่อแก้ไขปัญหาการชำระเงินระหว่างสถาบันต่างๆ
อย่างไรก็ตามธนาคารกลางของยุโรปได้ปฏิเสธข้อเสนอคริปโตเคอเรนซี่ของ Estonia ในเดือนกันยายน 2017 โดยให้เหตุผลว่าเงินยูโรเป็นสกุลเงินเดียวเท่านั้นที่จะสามารถใช้ได้ในยุโรป
เจ้าหน้าที่อาวุโสของธนาคารได้กล่าวว่าในอดีตพวกเขาไม่ได้มองว่าสกุลเงินดิจิทัลอย่างเช่น Bitcoin จะเป็นภัยคุกคามและก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงิน
นาย Cœuré กล่าวว่าธนาคารไม่ได้ “เพิกเฉย” ในการพัฒนาคริปโตเคอเรนซี่ แต่ก็ไม่ได้คิดว่ามันเป็นความเสี่ยงต่อธนาคารของยุโรป
ที่มา : coindesk
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น