อีกไม่นานประเทศไทยของเราเตรียมนำ Blockchain มาใช้กับระบบ Electronic Visa On Arrival (eVOA) เรียกได้ว่าประเทศไทยนั้นผลักดันเทคโนโลยี Blockchain มากขึ้นเรื่อย ๆโดยการนำ Blockchain มาใช้กับระบบ eVOA นี้เป็นการมุ่งเน้นที่จะเพิ่มประสิทธิภาพของระบบวีซ่าออนไลน์และจะเริ่มให้บริการในอีก 20 ประเทศ
ระบบปฏิบัติการ eVOA ร่วมมือกับบริษัทออสเตรเลีย
ระบบฟีเจอร์ eVOA ที่ประเทศไทยกำลังพัฒนานั้นได้รับความร่วมมือกับบริษัทการท่องเที่ยวของออสเตรเลีย ShareRing และ Gateway Services ด้วย ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับใบอนุญาตให้ดำเนินกระบวนการ eVOA ในประเทศไทย ซึ่งบริการ eVOA นี้จะมุ่งเน้นไปที่นักท่องเที่ยวจากประเทศจีนและอินเดียก่อน
ฟีเจอร์ใหม่นี้จะช่วยปรับปรุงขั้นตอนการสมัครวีซ่าของประเทศไทยเนื่องจากกระบวนการ Visa On Arrival ที่มีอยู่นั้นมีการดำเนินการที่สนามบินหรือจุดเข้าเมืองในประเทศไทยซึ่งกระบวนการนี้ใช้กระดาษเป็นหลักและกำหนดให้นักท่องเที่ยวต้องนำเอกสารจำนวนมาก เช่น สำเนาที่พิมพ์ออกมาจากตั๋วสายการบิน การยืนยันที่พักและภาพถ่าย โดยกระบวนการดังกล่าวมักจะใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงจึงจะเสร็จสมบูรณ์ซึ่งถือว่ากินเวลาค่อนข้างมาก
นำ Blockchain มาใช้กับระบบวีซ่าเพื่อเพิ่มความปลอดภัย
กระบวนการดิจิทัลมักจะมีความเสี่ยงในเรื่องของความปลอดภัยของข้อมูล อาจถูกแฮ็กหรือการกระทำที่เป็นอันตรายต่อระบบได้ ซึ่งทาง ShareRing ก็ได้ร่วมทำงานกับระบบการให้บริการเกทเวย์เพื่อพัฒนาความปลอดภัย ความเร็วให้กับกระบวนการวีซ่าด้วย ซึ่งทาง ShareRing นั้นให้บริการเกทเวย์ด้วยเทคโนโลยี OneID ซึ่งใช้ OCR และปกป้องข้อมูลโดยการเข้ารหัสข้อมูลทั้งหมดลงในไฟล์เดียวในบล็อกเชน
ด้านของซีอีโอ ShareRing ก็ได้อธิบายว่าการรวมกันของเทคโนโลยีบล็อกเชนและ OCR จะช่วยลดระยะเวลาในขั้นตอนยืนยันและตรวจสอบข้อมูลของ eVOA ทั้งนี้เขาก็ได้กล่าวเสริมอีกด้วยว่า:
“ในอนาคตเราอาจจะการขยายบริการไปยังประเทศอื่น ๆ ซึ่งมันไม่ใช่กระบวนการที่จะต้องรีบเร่งเพราะเราต้องทำให้แน่ใจว่าบริการของเรานั้นพร้อมจริง ๆ ก่อนที่จะเข้าสู่ตลาดในประเทศอื่น ๆ ”
ที่มา : cointelegraph
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น