นาย Sergey Medvedev ชาวรัสเซียผู้ให้บริการสัญญาแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลสำหรับฟอรัมการโกงบัตรเครดิตมูลค่ากว่า 568 ล้านดอลลาร์ที่เขาก่อตั้งขึ้นในปี 2010 ได้สารภาพผิดข้อหาฉ้อโกง ซึ่งนี่ถือว่าเป็นการฉ้อโกงทางไซเบอร์ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
นาย Medvedev วัย 33 ปียอมรับข้อกล่าวหาในวันที่ 26 มิถุนายนของเขาต่อศาลแขวงสหรัฐในรัฐเนวาดาว่า เขาเป็นคนก่อตั้งและบริหารองค์กรการฉ้อโกง ซึ่งเป็นองค์กรอาชญากรรมทางไซเบอร์ระหว่างประเทศที่อำนวยความสะดวกในการขาย , การขโมยบัตรเครดิตและอุปกรณ์มัลแวร์
นอกจากนี้เขายังยอมรับด้วยว่า ได้ให้บริการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลและให้บริการบัญชี escrow แก่สมาชิกประมาณ 10,901 คน คำฟ้องร้องในปี 2018 ระบุว่าสมาชิกผู้หลอกลวงนั้นได้ใช้ Liberty Reserve และ bitcoin ที่หมดอายุแล้ว ซึ่งจัดอยู่ในประเภท “สกุลเงินดิจิตอล” อื่น ๆ เพื่อฟอกเงินของพวกเขา
คำแก้ต่างในเดือนมิถุนายนไม่ได้กล่าวถึงขอบเขตการให้บริการแลกเปลี่ยนของนาย Medvedev สำหรับการทำธุรกรรมด้วย bitcoin หรือ คริปโตเคอเรนซี่ตัวอื่น ๆ แต่ระบุแค่ว่านาย Medvedev ได้รับเงิน $ 1.04 ล้านในสกุลเงินดิจิทัล Liberty Reserve จนถึงเดือนพฤษภาคม 2013 เท่านั้น
โดยรวมแล้ว การฉ้อโกงในครั้งนี้ได้ขายหมายเลขบัตรเครดิตที่ขโมยมาเป็นจำนวนกว่า 4 ล้านใบและทำให้เหยื่อผู้เสียหายสูญเสียเงินไปเป็นจำนวนกว่า 568 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
กระทรวงยุติธรรมปิดคดีการทุจริตนี้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2018 และต่อมามีการฟ้องสมาชิกทั้ง 36 คนขององค์กร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Operation Shadow Web
ในช่วงเวลาที่เขาถูกจับกุมในประเทศไทยในปี 2018 คาดว่านาย Sergey Medvedev ได้ถือครอง Bitcoin ไว้เป็นจำนวนมากกว่า 100,000 btc
การพิจารณาคดีของนาย Medvedev ในครั้งต่อไปมีกำหนดเริ่มขึ้นในวันที่ 9 ธันวาคมปีนี้
ที่มา : coindesk