MicroStrategy กลายเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งแรกที่ถือ Bitcoin เป็นส่วนหนึ่งในนโยบายการบริหารเงินลงทุนในปี 2020
โดยในช่วงเวลานั้น นาย Michael Saylor CEO ของบริษัทต้องพบกับความกังวลใจเป็นอย่างมากจากกลุ่มผู้ถือหุ้นของบริษัท ซึ่งพวกเขาตั้งคำถามว่าการลดเงินสด เพื่อไปถือครอง Bitcoin นั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่
อย่างไรก็ตาม Saylor อธิบายเหตุผลของเขาในระหว่างการให้สัมภาษณ์กับนาย Anthony Pompliano CEO ของบริษัท Morgan Creek Digital ว่า
“ปัญหาคือการมีเงินสดมากเกินไปและผมเฝ้าดูมันละลายหายไปอย่างช้า ๆ [สำหรับนักลงทุน] พวกเขาฉลาดกว่าผม ผมไม่ได้ล้อเล่น พวกเขาฉลาดกว่าผมจริง ๆ พวกเขารู้ก่อนที่ผมจะรู้อีกว่าเงินสดนั่นเป็นขยะและคุณกจะลายเป็นคนโง่หากนั่งทับเงินสดต่อไป”
นับตั้งแต่นั้นมาข้อความดังกล่าวได้กลายเป็นสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของบริษัทอื่น ๆ ให้หันมาเดินตามรอยบริษัทของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงอัตราเงินเฟ้อในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอนเหล่านี้
ในช่วงปลายปีที่แล้ว Saylor ประกาศว่า MicroStrategy ได้เข้าซื้อ Bitcoin เพิ่มอีก 29,646 Bitcoin ทำให้สินทรัพย์ภายใต้การดูแลของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 70,470 BTC โดยมีราคาซื้อเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 15,964 ดอลลาร์ต่อ 1 BTC
ปัจจุบันสินทรัพย์ดังกล่าวมีกำไรเพิ่มขึ้นกว่า 120% โดยเมื่อพิจารณาจากการถือครองทั้งหมดแล้วผลกำไรจะอยู่ที่ราว ๆ 1.3 พันล้านดอลลาร์
Bitcoin เป็นการเดิมพันดีกว่าหุ้นเทคโนโลยี
ในระหว่างการสัมภาษณ์ล่าสุดของเขากับนาย Chris Jaszczynski จาก MMCrypto นาย Saylor ได้พูดถึง Bitcoin อย่างตรงไปตรงมา
โดยเขาได้แบ่งปันข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับโอกาสในการลงทุนของสกุลเงินดิจิทัลเบอร์หนึ่งของโลก
เขาเชื่อว่า แม้ราคาจะล่วงเลยผ่านระดับ $ 30,000 ไปแล้ว แต่การบรรจบกันของปัจจัยเศรษฐกิจมหภาคจะช่วยผลักดันให้มูลค่า Bitcoin นั้นเติบโตเพิ่มขึ้นไปอีกในระยะยาว
ในฐานะนักลงทุนรายแรกของหุ้นเทคโนโลยี Saylor กล่าวว่าไม่มีใครโดดเด่นไปกว่า Bitcoin อีกแล้วในตอนนี้
“ผมเป็นนักลงทุนรายแรก ๆ ในหุ้น Apple, Facebook, Amazon, Google, OpenTable, eBay และ PayPal ซึ่งผมทำเงินได้มหาศาล ผมทำเงินได้ 10 เท่า 20 เท่าจากสิ่งเหล่านั้น แต่ผมขอบอกไว้เลยว่าไม่มีสิ่งใดที่โดดเด่นได้กว่า Bitcoin อีกแล้ว”