นาย Alex Jones ผู้จัดรายการวิทยุชื่อดังและครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้ที่ถูกขนานนามว่า นักทฤษฎีสมคบคิดชั้นนำของอเมริกาอ้างว่า เขาได้ทำแล็ปท็อปที่มี 10,000 Bitcoin หายไป และนั่นคิดเป็นมูลค่าเท่ากับ 560 ล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน
ในระหว่างการพูดคุยบน Potcast Flagrant 2 เมื่อวันที่ 9 มีนาคมที่ผ่านมา เจ้าของช่องได้เปิดประเด็นพูดคุยเกี่ยวกับหัวข้อของคริปโต ซึ่งในตอนแรก Jones แกล้งทำเป็นไม่รู้จัก แต่หลังจากนั้นเขาก็ได้ดึงดูดความสนใจของผู้ชมโดยพูดว่า “คุณอยากรู้ความลับหรือไม่”
Jones อ้างว่า “Bitcoin นั้นถูกควบคุมโดยสิ้นเชิง” จากนั้นเขาก็เริ่มเล่าว่านาย Max Keiser เจ้าของรายการ Keizer Report เคยเป็นผู้มอบแล็ปท็อปที่มี 10,000 Bitcoin ให้กับเขา
“เมื่อสิบปีก่อนตอนผมอยู่ที่ Bilderberg ทางเหนือของลอนดอน นาย Max Keizer ได้มาหาผมและบอกว่าผมมี 10,000 Bitcoins ให้กับคุณ นี่คืออนาคตมันจะกลายเป็นสกุลเงินใหม่ของโลก”
อย่างไรก็ตามเขากล่าวด้วยว่าตอนนี้เขาได้ทำแล็ปท็อปดังกล่าวนั้นหายไปแล้ว และเขาไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เขาได้สูญเสียแล็ปท็อปไป
ดูเหมือนว่ามันจะไม่มีหลักฐานใด ๆ ที่พิสูจน์ได้ว่านาย Keizer เคยส่งมอบแล็ปท็อปที่มี 10,000 Bitcoin ให้กับ Jones นอกจากนี้เรื่องเล่าของ Jones ยังขาดรายละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เขาสูญเสียแล็ปท็อปดังกล่าวไป ซึ่งเป็นจุดที่หลายคนตั้งข้อสังเกต
ทฤษฏีสบคบคิดของ Jones
เมื่อหลายปีก่อนนักวิจัยบางคนอ้างว่าสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ (NSA) นั้นเป็นคนสร้าง Bitcoin
หลักฐานของพวกเขามาจากการเชื่อมโยงอัลกอริธึมการเข้ารหัส SHA-256 ของ Bitcoin กับหน่วยงานด้านตัวอักษร เนื่องจากฟังก์ชันการเข้ารหัส SHA-256 นั้นได้รับการออกแบบโดย NSA และถูกเผยแพร่ครั้งแรกในปี 2011
อย่างไรก็ตามข้อสันนิษฐานนี้ยังคงเป็นประเด็นที่มีการถกเถียงกันในผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากมันเป็นเรื่องปกติที่โครงการ cryptocurrency จะใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบัน ตัวอย่างเช่น ภาษาสัญญา Smart Contract Plutus และ Marlowe ของ Cardano ที่มาจาก Haskell
Haskell 1.0 ถูกสร้างขึ้นในปี 1987 โดยนาย Philip Wadler และนาย Stephen Blott บุคคลทั้งสองนี้ไม่มีความสัมพันธ์ใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโปรเจกต์ Cardano ของนาย Charles Hoskinson โดย Hoskinson กล่าวว่า Haskell นั้นมีคุณสมบัติที่ตรงตามข้อกำหนดด้านภาษาโปรแกรมของเขา หรือกล่าวคือ มันเป็นภาษาที่สามารถนำมาใช้งานได้จริง ข้อได้เปรียบหลักคือ ภาษาโค้ดที่มีความยืดหยุ่นสูง