เรื่องราวความสำเร็จด้านฟินเทคของสิงคโปร์นั้นดูเหมือนว่าจะมาจากนโยบายกำกับดูแลของรัฐบาลและความคิดริเริ่มที่มีการคาดการณ์ไว้ล่วงหน้า ซึ่งได้สร้างภาคส่วนใหม่และนวัตกรรมใหม่ขึ้นจากอุตสาหกรรมในยุคเก่า
แม้ว่าสิงคโปร์จะมีภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาในช่วงการแพร่ระบาด Covid-19 แต่คนหลายล้านคนก็ยังหลั่งไหลเข้าสู่ภาคเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่นี้ในช่วงปีที่ผ่านมา ด้วยเงินทุน 12 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (8.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) เพื่อเร่งผลักดันการสร้างสรรค์นวัตกรรมบล็อกเชน 300 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (222.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ที่ถูกอัดฉีดเข้าสู่ภาคเทคโนโลยีและ125 ล้านเหรียญสิงคโปร์ (93 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) เพื่อสร้างขีดความสามารถในด้านฟินเทค
ก่อนที่จะเกิดการแพร่ระบาดในปี 2017 สิงคโปร์สามารถทำเงินได้กว่า 225 ล้านเหรียญสิงคโปร์ (167 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) และการผลักดันนวัตกรรมในช่วงต้นของรัฐบาลส่งผลให้จำนวนบริษัทเทคโนโลยีที่เกิดใหม่ในสิงคโปร์เติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 10 เท่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา นั้นเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นถึงสถานะการเป็นศูนย์กลางฟินเทคในเอเชีย
ด้วยความจำเป็นในระบบดิจิทัลที่ถูกกระตุ้นโดยการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 การลงทุนในภาคฟินเทคของสิงคโปร์จึงเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 371 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (275 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ในช่วงไตรมาสที่สองของปี 2020 หลายคนคาดการณ์ว่าความต้องการในด้านฟินเทคนี้น่าจะยังคงเติบโตเพิ่มขึ้นต่อไปเรื่อย ๆ แม้ว่าจะมีการขับเคลื่อนการฉีดวัคซีนในทั่วโลก แต่การกลับคืนสู่สภาวะปกตินั้นยังเป็นเรื่องที่ทำได้ยากและวิถี New normal ก็น่าจะปูทางไปสู่โอกาสในการขยายตัวของฟินเทคต่อไป
สาเหตุที่อุตสาหกรรมคริปโตในสิงค์โปรเติบโตขึ้นอย่างมาก
ด้วยการสนับสนุนความคิดริเริ่มของรัฐบาลและการผลักดันเข้าสู่การเงินดิจิทัลทำให้ เทคโนโลยี fintech ในสิงคโปร์นั้นเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับอุตสาหกรรม crypto และ blockchain
เพื่อให้ก้าวทันกับเทคโนโลยีในด้านฟินเทคที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา สิงคโปร์จึงได้มีการออกกฎหมาย Payment Service Act ขึ้นมาในปี 2019 ซึ่งมีบทบาทหน้าที่สำคัญในการส่งเสริมการเติบโตของเทคโนโลยีด้านฟินเทคผ่านกรอบการกำกับดูแลที่ชัดเจน นอกจากนี้พวกเขายังได้รับการสนับสนุนจากธนาคาร DBS Bank ที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการยอมรับของสกุลเงินดิจิทัลในหมู่นักลงทุนและภาคสถาบันอีกด้วยยิ่งไปกว่านั้นการตั้งอยู่ในใจกลางเอเชียและจุดยืนที่เป็นมิตรกับคริปโต ยังช่วยให้สิงคโปร์สามารถหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความก้าวหน้าให้กับอุตสาหกรรมแห่งนี้ ซึ่งเป็นช่องทางสำหรับการการเติบโตที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับสองประเทศที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียอย่างจีนและอินเดียที่มีการห้ามหรือการจำกัดการเข้าถึง crypto