มันปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในปีนี้ เป็นปีที่ดีที่สุดสำหรับ Cardano (Ada) ซึ่งเราได้เห็นมูลค่าของโทเค็นที่เพิ่มขึ้นกว่า 1200% นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ก่อนที่จะมีปรับฐานราคาเกิดขึ้นในที่สุด และในขณะที่เขียนรายงานอยู่นี้ ADA ถือเป็นเหรียญคริปโตที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 5 ของโลก ด้วยมูลค่าตลาดอยู่ที่ 4.8 หมื่นล้านดอลลาร์
แน่นอนว่าช่วงขาขึ้นของ Bitcoin ตั้งแต่ระหว่างเดือนมกราคมถึงพฤษภาคมนั้นเป็นแรงผลักดันให้ราคาของ ADA ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่บางทีสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับ Cardano เลยก็คือ การพัฒนาอย่างรวดเร็วที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
ยกตัวอย่างเช่น ในเดือนมีนาคม เครือข่ายได้มีการ Hard Fork “Mary” ซึ่งเป็นการอัปเดตครั้งสำคัญที่ได้นำฟีเจอร์ Multi Asset มาใช้ในระบบนิเวศของ Cardano และนับตั้งแต่นั้นมา Cardano ก็เริ่มเตรียมพร้อมสำหรับการอัปเกรดในครั้งถัดไปที่มีชื่อว่า “Alonzo” โดยการอัปเกรดนี้คาดว่าจะช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างสัญญา Smart contract บนเครือข่าย Cardano ได้ในที่สุด
ในระหว่างการให้สัมภาษณ์กับนาย Lex Fridman บน podcast ล่าสุด ผู้ก่อตั้ง Cardano นาย Charles Hoskinson ได้แชร์การอัปเดตในปัจจุบันของ Cardano โดยเขากล่าวว่า :
“ตอนนี้ เรามีฟังก์ชั่น Multi Asset ดังนั้นคุณสามารถทำข้อมูล Meta และออกโทเค็นบน Cardano ได้ แน่นอนว่าคุณมีความสามารถในการเขียนโปรแกรมบนเครือข่ายที่จำกัด แต่ Alonzo จะช่วยเพิ่มความสามารถใหเกับการเขียนโปรแกรมเหล่านั้น และเรามีพื้นฐานส่วนใหญ่มาจากโมเดล UTXO ที่พร้อมใช้งานอยู่แล้ว”
ผู้ก่อตั้ง Cardano ยังกล่าวต่อไปด้วยว่า ในขณะที่ขั้นตอนการทดสอบยังคงดำเนินต่อไประบบนิเวศก็จะค่อย ๆ เปลี่ยนจากสีน้ำเงินเป็นสีขาวเป็นสีม่วง (สีที่เปลี่ยนแปลงตามความคืบหน้าของกระบวนการอัปเกรด) โดยความสำเร็จในระยะเริ่มต้นของ Alonzo Blue นั้นจะแสดงให้เห็นว่า การทดสอบที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้นมีแนวโน้มที่ดี
แม้ว่าในขณะนี้ Cardano จะกำลังเตรียมมุ่งหน้าไปสู่การอัปเกรดครั้งสำคัญเพื่อเพิ่มความสามารถในการเขียนสัญญา Smart contract แต่ถึงอย่างนั้นนาย Hoskinson ก็ยังคงกังวลเกี่ยวกับอุปสรรคบางอย่างที่อาจเกิดขึ้นได้
“ปัญหาไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของเราทั้งหมด ปัจจุบันมีกระดานแลกเปลี่ยนมากกว่า 100 แห่งที่ลิสต์เหรียญ Cardano มีโครงสร้างพื้นฐานกระเป๋าเงินจำนวนมาก และองค์ประกอบที่แตกต่างกัน ดังนั้นอุปสรรคที่แท้จริงในขณะนี้จึงไม่ใช่ปัญหาทางด้านเทคโนโลยีและเป็นปัญหาการประสานงานมากกว่า”