Bandai Namco Holdings บริษัทค่ายเกมยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น ได้ประกาศทุ่มเงิน 1.5 หมื่นล้านเยน หรือราว 130 ล้านดอลลาร์ เพื่อพัฒนาโลก metaverse ของเหล่าบรรดาหุ่นยนต์ต่อสู้จากแฟรนไชส์ Gundam ตามรายงานของ Nekkei Asia ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 6 มีนาคม
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังจากบริษัทยักษ์ใหญ่จำนวนมากเริ่มสนใจหันมาใช้แพลตฟอร์มที่เชื่อมต่อกับโลกเสมือนจริงมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ท่ามกลางการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ของโควิด-19
บริษัทเปิดเผยว่าจะทุ่มงบกว่า 1.5 หมื่นล้านเยนหรือ 130 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 4.2 พันล้านบาท) เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ รวมถึงพัฒนาเนื้อหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโลก Metaverse ซึ่งถือเป็นทรัพย์สินทางปัญญาของทางบริษัท
สำหรับการลงทุนในด้าน Metaverse นั้นทาง Bandai Namco มองว่าจะเป็นส่วนสำคัญที่สุดสำหรับอนาคตบริษัทที่มี Metaverse เป็นหนึ่งในกลยุทธ์หลักสำหรับแผนงานในธุรกิจดิจิทัล
เช่นเดียวกับบริษัทญี่ปุ่นเจ้าอื่นในวงการเดียวกันที่ได้วางเรื่อง Token Economy และ User-generated content (UGC) เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์สำหรับแผนงานระยะกลาง เห็นได้จาก Square Enix บริษัทผู้พัฒนาเกมอย่าง Final Fantasy, Dragon Quest, และ Kingdom Hearts ที่จะเน้นคอนเทนต์บน Blockchain และพัฒนาเกี่ยวกับ Token เพิ่มเติมจากคอนเทนต์เดิมที่มีอยู่
“Gundam Metaverse จะเป็นกลไกให้เราสามารถเชื่อมต่อกับแฟนๆ ได้อย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น” Masaru Kawaguchi ประธาน Bandai Namco กล่าวพร้อมเสริมว่า บริษัทวางแผนที่จะสร้าง metaverses สำหรับแฟรนไชส์อื่น ๆ ด้วย
โดยปัจจุบันลิขสิทธิ์เกมที่อยู่ภายใต้การดูแลของ Bandai นั้นได้แก่ Dark Souls และ Elden Ring , Pac-Man, Gundam, Dragon Ball, Soul Calibur, Katamari รวมถึงเกมสุดคลาสสิกอย่าง Dig-Dug และ Galaga
การลงทุนเงิน 1.5 หมื่นล้านเยน ใน metaverse จะครอบคลุมการสร้างฐานข้อมูล เพื่อรวมฐานข้อมูลลูกค้าทั่วทั้งกลุ่มของ Bandai Namco
ที่มา : asia.nikkei