เนื่องจากความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับผลกระทบทางนิเวศวิทยาของสกุลเงินดิจทัลที่ทำงานภายใต้กลไก Proof-of-Work (PoW) เช่น Bitcoin (BTC) ข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นว่าเหรียญดังกล่าวไม่ได้สร้างความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมมากนัก
อันที่จริง สภาการขุด Bitcoin (BMC) ได้รายงานเมื่อวันที่ 25 เมษายนที่ผ่นามาว่าพลังงานที่ใช้ ขุด Bitcoin ลดลงกว่า 25% ในไตรมาสแรกของปี 2022 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
BMC เป็นกลุ่มที่รวบรวมบริษัทขุด Bitcoin 44 แห่งหรือคิดเป็น 50% ของอุตสาหกรรมการขุด Bitcoin ทั่วโลกกว่า 100.0 exahash โดยรายงานดังกล่าวเป็นผลจากการสำรวจบริษัทสมาชิกทั้งในแง่ของปริมาณการใช้ไฟฟ้า แหล่งพลังงาน และอัตราแฮชเรท
ตามที่ Michael Saylor ผู้นำของกลุ่มและ CEO ของ MicroStrategy ได้กล่าวว่า
“ในไตรมาสแรกของปี 2022 Hash Rate และความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องของเครือข่าย Bitcoin ดีขึ้น 23% เมื่อเทียบเป็นรายปี ในขณะที่การใช้พลังงานลดลง 25% ดังนั้นเห็นได้ว่าประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 63% เมื่อเทียบเป็นรายปีทั้งนี้เนื่องมาจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยี semi-conductor การขยายตัวอย่างรวดเร็วของการขุดในอเมริกาเหนือ การอพยพของจีน และการนำพลังงานที่ยั่งยืนและเทคนิคการขุด bitcoin มาใช้ทั่วโลก”
พูดง่ายๆ คือ อัตราการขุด Bitcoin เพิ่มขึ้น 23% เมื่อเทียบเป็นรายปี (YoY) และการใช้พลังงานลดลง 25% รายงานยังแสดงให้เห็นว่า Bitcoin ใช้พลังงานโลกในปริมาณที่ไม่สำคัญ (16bps) และสร้างการปล่อยก๊าซคาร์บอนเล็กน้อย (8bps) รวมถึงการเป็นผู้นำอุตสาหกรรมด้านความยั่งยืนด้วยส่วนผสมของพลังงานที่ยั่งยืน 58%
ความกังวลด้านสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับการใช้พลังงาน
น่าสนใจ ผลลัพธ์เหล่านี้เกิดขึ้นหลังจากกลุ่มสมาชิกสภานิติบัญญัติของสหรัฐอเมริกาได้ขอให้สำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมแห่งสหรัฐอเมริกา (EPA) วิเคราะห์ว่าบริษัทขุดคริปโตในประเทศนั้นปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองสิ่งแวดล้อมหรือไม่
ในจดหมายที่ส่งถึงหน่วยงาน พวกเขาได้แสดง “ข้อกังวลที่ร้ายแรง” เกี่ยวกับเทคโนโลยีการขุดด้วยกลไก PoW โดยในเดือนมีนาคม ชุมชนคริปโตในนิวยอร์กได้สร้างคำร้องเพื่อป้องกันการยอมรับร่างกฎหมายที่ขัดแย้งโดยสภานิวยอร์ก ซึ่งจะระงับการดำเนินการขุดคริปโตแบบ PoW เฉพาะในรัฐ
อย่างไรก็ตามในเวลาเดียวกัน บางเมืองในสหรัฐอเมริกา เช่น Fort Worth ในเท็กซัสกำลังทำงานอย่างแข็งขันเพื่อให้เป็นมิตรกับ crypto มากขึ้น