นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ( Bitkub) ได้ให้สัมภาษณ์กับทาง ฐานเศรษฐกิจ เกี่ยวกับแนวทางการเดินหน้าของประเทศไทย โดยกล่าวว่า นอกจากโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ที่กำลังดำเนินการอยู่ สิ่งที่ต้องผลักดันก็คือการเดินหน้าให้ประเทศไทย เป็น Digital Green Economy ให้ได้ ต้องทำให้กระทรวงดีอีเอส เป็นกระทรวงเกรด A เพื่อเป็นเรือธงนำไทยสู่เศรษฐกิจดิจิทัล ควบคู่ไปกับการผลักดันกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้เป็นกระทรวงเกรด A เหมือนกัน
“ไทยเราไม่ได้อยู่ในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมเหมือนที่ผ่านมาอีกต่อไป เพราะโลกพลิกบทบาทเข้าสู่การเป็น Digital Green Revolution แล้ว เราเป็นยุคอินเทอร์เน็ตเต็มตัว หากในช่วง 4-5 ปีนี้ ไม่สามารถเปลี่ยนผ่านได้ ไทยเสี่ยงมากที่จะเสียโอกาสทางการค้าและการเติบโตของเศรษฐกิจ”
ขณะเดียวกัน ยังได้ฝาก Checklist เร่งด่วนไปยังรัฐบาลเศรษฐา
- Free flow of People เร่งเปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติที่มีความสามารถอยากเข้ามาอยู่ในประเทศไทย พร้อมสร้างระบบนิเวศน์ธุรกิจ (Eco-system) ที่แข็งแกร่งรองรับบุคลากรเหล่านี้
- ออกมาตรการ Golden Visa และ Ease Of Doing Business เพื่อดึงเม็ดเงินการลงทุนต่างชาติให้เข้ามาในไทยมากขึ้น
- ออกนโยบายให้ตอบโจทย์ความต้องการของโลก สร้างไทยเป็นฮับการลงทุนของอาเซียน
- ผลักดันการท่องเที่ยวให้มากที่สุด
นอกจากนี้ ยังได้แนะนำ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้ความสำคัญกับ Bitcoin มากกว่านี้ เพราะ Bitcoin ได้กลายเป็น The 1st International Digital Commodity แม้เป็นสินทรัพย์แรกที่จับต้องไม่ได้ แต่กลายเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก หากเป็นไปได้ ธปท. ควรนำบิตคอยน์ เข้าไปเป็น Reserve Currency (สกุลเงินสำรอง) ซึ่งหมายถึงเงินตราต่างประเทศ ที่ธนาคารกลางหรือสถาบันการเงินขนาดใหญ่ถือไว้จำนวนมาก เพื่อใช้ในการค้า การลงทุนและการชำระหนี้ระหว่างประเทศ เพื่อสร้างความมั่นคงในระยะยาว
“เดิมเรามีแค่ ทองคำ ที่เก็บไว้ที่แบงก์ชาติของอังกฤษ และมี SDR หรือ Special Drawing Rights (สิทธิการกู้เงินพิเศษ) ที่ออกโดย IMF ตั้งแต่ปี 1969 เวลาเหลือไม่เยอะและ ราคาอาจสูงขึ้นในอนาคต ถ้านานาประเทศเริ่มให้ความสนใจ ต้นทุนก็จะยิ่งแพงขึ้น”
อย่างไรก็ตาม นายจิรายุส มองว่า Bitcoin จะเปรียบเสมือนทองคำในโลกการเงินดิจิทัล ที่เชื่อมโยงเศรษฐกิจและกำหนดมูลค่าของสินทรัพย์แต่ละชนิดที่จะออกมาในอนาคต เป็นค่ากลางกำหนดทุกดิจิทัลเคอเรนซี่ที่จะเข้ามาสู่ตลาด
ที่มา: ฐานเศรษฐกิจ