<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

“แทนไท” แชร์ประสบการณ์โดน FBI ยึดพอร์ตคริปโตบน Binance เสียหายกว่า 360 ล้านบาท

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

“แทนไท ณรงค์กูล” อินฟลูชื่อดังและนักเทรดคริปโตรายใหญ่ของไทย ได้โพสต์แชร์เรื่องราวสุดเซอร์ไพรสที่แทบไม่มีทางเกิดขึ้นง่าย ๆ กับคนทั่วไป อย่างการถูกยึดพอร์ตคริปโตโดย FBI สหรัฐฯ

คุณแทนไทได้เรื่องราวนี้บนโพสต์ใน Instagram โดยระบุว่าเหตุการณ์เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน 2565 ที่อยู่ ๆ บัญชี Binance ของเขาก็ไม่สามารถเปิดออเดอร์หรือถอนเงินได้ ซึ่งกว่าเขาจะทราบคำตอบก็ใช้เวลาไปกว่า 1 เดือนจนมารู้ว่าทาง FBI ได้ทำการระงับบัญชีของเขาทิ้งไว้ให้แค่ ชื่อ , Email และ Case Number

เมื่อทราบสาเหตุแล้วคุณแทนไทจึงได้เร่งติดต่อไปยังเจ้าหน้าที่ทางอีเมลแต่ก็ไม่ได้รับการตอบกลับจนถึงขนาดต้องโทรสายตรงไปยังสำนักงานแต่ก็ยังล้มเหลว จนกระทั่งเขาได้ไปค้นเจอโปรไฟล์ Linkedin ของเจ้าหน้าที่คนนั้นถึงจะติดต่อได้สำเร็จซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้กล่าวว่าสาเหตุที่บัญชีของคุณแทนไทถูกระงับเนื่องจากเคสคดีดังกล่าวมี Scammer ฉ้อโกงจากอเมริกา ไปสู่หลายๆประเทศ ซึ่ง 1 ใน Transection นั้นมาตกที่บัญชี Binance ของคุณแทนไท

ต่อมาคุณแทนไทจึงได้ติดต่อไปยังเจ้าหน้าที่ที่คอยประสานความร่วมมือความมั่นคงแห่งมาตุภูมิระหว่างอเมริกากับไทย และทำการพบเจอกัน 5-6 ครั้งถึงจะคุยกันเข้าใจ โดยเริ่มต้นจากเขาบอกว่า มี Tracsection จาก Scammer มาตกที่บัญชีของคุณ 2-3 Tx id ให้ทำการชี้แจง ซึ่งคุณแทนไทก็ปฏิบัติตามชี้แจงพร้อมหลักฐานว่าได้ทำการซื้อขายเหรียญแบบ OTC คือซื้อขายนอกระบบเอาเงินไปซื้อเหรียญกับนายหน้าคนกลางจากนั้นจ่ายเงินเขาและให้เขาโอนเหรียญให้เรา เป็นอันจบ แยกย้าย มีหลักฐานแชทซื้อขายทุกอย่าง เหมือน P2P แต่ทางเจ้าหน้าที่บอกว่ามันไม่น่าเชื่อถือ คุณสามารถทำมาเองก็ได้ และ อีกอย่างการซื้อขายแบบนี้กฏหมายประเทศไทยยังไม่รองรับ คุณซวยเองที่รับเหรียญมาจาก Scammer เข้าบัญชี 

เมื่อทราบดังนั้นคุณแทนไทเลยพยายามหาวิธีต่อรองโดยเสนอให้ยึดเหรียญที่มาจาก Scammer คืนไป ทว่าทางเจ้าหน้าที่ไม่ยินยอมและกล่าวว่าต้องยึดสินทรัพย์ทั้งหมดเข้ารัฐบาลสหรัฐฯ ! ซึ่งมูลค่าของเงินจาก Scammer ราว $200,000 นั้นเทียบไม่ได้กับมูลค่าของทั้งพอร์ตที่เขาถืออยู่กว่า $10 ล้าน ที่ในตอนนั้นราคา Bitcoin อยู่เพียงแค่ $24,000 เพียงเท่านั้น 

ทำให้คุณแทนไทนตัดสินใจจ้างทนายที่อเมริกาเพื่อดำเนินการตามเรื่องต่อ และตั้งใจจะให้ทนายอเมริกาฟ้อง FBI ว่าระงับโดยไม่มีเหตุผล ไม่มีหมายศาล ไม่มีอะไรเลย เราไม่รู้เรื่องอะไร ถ้าตัวเขาไม่ติดต่อไป เจ้าหน้าที่ก็ไม่ติดต่อมา แบบนี้ปล้นกันชัดๆ

ระยะเวลาผ่านพ้นไปราว 2 ปีในที่สุดก็ได้เกิดการเจรจาขึ้นระหว่างอัยการอเมริกา, FBI และคุณแทนไทโดยเจ้าหน้าที่ได้ยื่นข้อเสนอให้ 2 ทางเลือก โดยข้อแรกคือ 1.รับเงินคืนจากยอดที่ยึดทั้งหมด 10% และคุณแทนไทจะได้การการันตีจากศาลอเมริกาว่าเขาช่วยเหลือผู้เสียหายจากเคสนี้ทั้งหมด หรือข้อ 2.เลือกสู้กับรัฐบาลสหรัฐฯ ที่เขาต้องสู้คดีในทุกศาลของอเมริกาใช้เวลาอย่างต่ำ 3 ปี และเวลาขึ้นศาลต้องไปเองทุกครั้ง โดยทนายจะมารับที่ตม.ไปไหนไม่ได้ขึ้นศาลอย่างเดียว และถ้าเขาแพ้คดีคุณแทนไทจะโดนเรื่องฟอกเงินของอเมริกา ส่งผลให้ตัวเขานั้นอาจโดนอเมริกาและประเทศที่ให้ความร่วมมือกับอเมริกาแบนห้ามเข้าประเทศ และเสียค่าทนายสู้คดีอีก $1,000,000 ซึ่งสรุปแล้วคุณแทนไทยอมที่จะเลือกข้อแรก แต่เงินที่ได้คืนมานั้นคำนวนจากมูลค่าตอน Bitcoin $24,000 ทำให้เขาขาดทุนหลายเท่าตัว

จากเหตุการณ์นี้คุณแทนไทได้เตือนสตินักลงทุนว่าที่มาของ USDT นั้นอันตราย การเทรดแบบ P2P ก็อันตราย OTC ก็อันตราย ต้องระมัดระวังให้ดี เช็คที่มาให้ชัดเจน ส่วนด้านกระดานเทรดก็ไม่ปลอดภัย และ Binance ได้ผลประโยชน์ไปเต็ม ๆ จากเหตุการณ์นี้

อย่างไรก็ตามคุณแทนไทไม่ได้เป็นคนเดียวจากเหตุการณ์ดังกล่าวแต่นักลงทุนหลายคนยอมถอดใจสู้เพราะไม่สามารถติดต่อหรือสู้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีได้ ทำให้เรื่องราวนี้กลายเป็นอีกหนึ่งอุทาหรณ์เตือนสตินักลงทุนชาวไทย

ที่มา : Instagram