<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

6 บอทเทรด AI ที่ดีที่สุดในปี 2024 : ปลดล็อกพอร์ตการลงทุนอัตโนมัติ ฉลาดเหนือตลาด!

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ในปี 2024 การใช้บอทเทรด AI ในการลงทุนและเทรดคริปโตเคอร์เรนซีได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องจากความสามารถของเทคโนโลยี AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลและทำการซื้อขายโดยอัตโนมัติ บอทเทรดเหล่านี้จึงสามารถช่วยลดความเสี่ยงที่เกิดจากอารมณ์ของมนุษย์และเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยเทคโนโลยี AI ที่พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง บอทเทรด AI ในปีนี้จึงมีความสามารถที่หลากหลายและมีประสิทธิภาพสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ด้วยความที่ บอทเทรด AI มีให้เลือกมากมาย ทำให้การเลือกใช้บอทเทรด AI ที่เหมาะสมกับตัวคุณอาจกลายเป็นเรื่องยาก ดังนั้นในบทความนี้ทางสยามบล็อกเชนจึงจะมาแนะนำ 6 บอทเทรด AI ที่ดีที่สุดในปี 2024 พร้อมทั้งวิเคราะห์จุดเด่น จุดด้อย และฟีเจอร์สำคัญ ๆ ของแต่ละตัวกัน 

1. Pionex 

ที่มาภาพ:medium

Pionex เป็นแพลตฟอร์มบอทเทรดคริปโตที่ใช้ประโยชน์จาก AI ซึ่งมีการใช้งานโดยนักเทรดมากกว่า 100,000 คน ในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก และบน Pionex นักลงทุนสามารถใช้งานบอทเทรดคริปโตได้มากกว่า 16 ตัว 

บางตัวของบอทเหล่านี้รวมถึง ‘Grid trading bot’ ซึ่งใช้กลยุทธ์ซื้อถูกขายแพง บอทนี้จะสแกนตลาดตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน เพื่อหาจุดเข้าเทรดที่ดีที่สุดสำหรับสินทรัพย์ต่าง ๆ และให้การแจ้งเตือนราคาที่เป็นไดนามิก สำหรับนักลงทุนระยะยาว สามารถเลือกใช้ ‘Rebalancing Bot’ ซึ่งช่วยให้คุณสร้างดัชนีที่ประกอบด้วยโทเค็นต่าง ๆ

Pionex มีบอทเทรดให้เลือกหลากหลาย อย่างเช่น สำหรับสายระยะสั้น อาจเหมาะกับ ‘Grid trading bot’  ซึ่งใช้กลยุทธ์ซื้อถูกขายแพง โดยทุกวันบอทตัวนี้จะสแกนตลาดตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อหาจุดเข้าเทรดที่ดีที่สุดสำหรับสินทรัพย์ต่าง ๆ  ในขณะที่นักลงทุนระยะยาว สามารถเลือกใช้ ‘Rebalancing Bot’ ของ Pionex ได้เช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม จุดเด่นของ Pionex คือฟีเจอร์การเทรด AI อย่าง ‘PionexGPT’ ที่ให้นักลงทุนสร้างระบบการเทรดที่กำหนดได้ด้วยตัวเอง คุณสามารถป้อนพารามิเตอร์การเทรดที่ต้องการโดยใช้คำแนะนำแบบข้อความ และ Pionex จะนำเสนอทางเลือกการเทรดใหม่ ๆ ให้กับคุณ

นอกจากนี้ พารามิเตอร์และกลยุทธ์เหล่านี้ของ Pionex สามารถ Back Test ได้บน TradingView  สุดท้ายนี้ คุณสามารถใช้สัญญาณคริปโตของ Pionex เพื่อดำเนินการกลยุทธ์ที่กำหนดเองเหล่านี้บนแพลตฟอร์ม โดยนักลงทุนจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเริ่มต้น 0.05% ต่อธุรกรรม เมื่อเริ่มการเทรดคริปโตกับ Pionex

ข้อดีของ Pionex

  • ค่าธรรมเนียมในการเทรดต่ำที่ 0.05%
  • สามารถปรับแต่งระบบการเทรดได้ด้วย AI
  • มีบอทเทรดให้เลือกใช้มากถึง 16 ตัว

ข้อเสียของ Pionex

  • ตอนฝากเงิน Fiat อาจเสียค่าธรรมเนียมค่อนข้างสูง

2. Dash2Trade

ที่มา:dash2trade

Dash2Trade เป็นแพลตฟอร์มการเทรดคริปโตด้วยบอท AI ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในปัจจุบัน มีบอท AI สองตัวที่ใช้กลยุทธ์เฉลี่ยต้นทุน (DCA) และการเทรดแบบกริด ซึ่งรองรับการเทรดคริปโตมากกว่า 400 สกุล นอกจากนี้ Dash2Trade ยังมีเครื่องมือใหม่ที่ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถสร้างบอทตามกลยุทธ์ที่กำหนดเองได้ ทดสอบย้อนหลัง ปรับแต่ง และควบคุมการเทรดได้ตามต้องการ ทำให้ผู้ใช้สามารถตั้งค่าการเทรดให้ทำงานอัตโนมัติด้วย AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากการเทรดแล้ว Dash2Trade ยังใช้ AI เพื่อวิเคราะห์กิจกรรมในสื่อสังคมออนไลน์และตัวชี้วัดทางเทคนิค เช่น เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่และดัชนีความแข็งแกร่งสัมพัทธ์ (RSI) เพื่อให้สัญญาณตลาดขาขึ้นและขาลงในช่วงเวลาต่าง ๆ แพลตฟอร์มนี้มีเวอร์ชันฟรีจำกัดให้ทดลองใช้ ส่วนการสมัครสมาชิกแบบเสียค่าบริการราคา 102 ดอลลาร์ต่อปีรวมการเข้าถึงบอททั้งหมด และไม่มีค่าธรรมเนียมการเทรดเพิ่มเติม

ข้อดีของ Dash2trade

  • Dollar-cos averaging and grid trading bots บอทเฉลี่ยต้นทุนและการเทรดแบบกริด
  • รองรับคริปโตมากกว่า 400 สกุลในหกแพลตฟอร์มหลัก
  • มีส่วนลดเมื่อชำระเงินด้วยโทเค็น $D2T

ข้อเสียของ Dash2trade

  • รองรับการเทรดเฉพาะ Crypto อย่างเดียว

3. Perceptrader AI 

ที่มา:ValeryTrading

ตัวถัดไปคือ Perceptrader AI ใช้ความสามารถของ AI และอัลกอริธึมการเรียนรู้ของเครื่องมือเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเทรด เพื่อช่วยให้นักเทรดค้นพบจุดเข้าและออกที่เหมาะสมที่สุด แพลตฟอร์มที่ขับเคลื่อนด้วย AI นี้ใช้โมเดลการทำนายราคาขั้นสูง

นอกจากนี้ Perceptrader AI ยังใช้ระบบการเทรดที่เปิดคำสั่งซื้อและขายตามช่วงเวลาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า เพื่อให้เทรดเดอร์สามารถค้นหาและค้นพบโอกาสการเทรดที่มีศักยภาพสูงในตลาด

โดยจุดเด่นของ Perceptrader AI คือความสามารถในการกรองและกำจัดการเทรดที่มีศักยภาพต่ำ อย่างไรก็ตาม Perceptrader AI ใช้งานง่ายและมีราคาถูกกว่าทางเลือกการเทรดแบบอัลกอริธึมคุณภาพสูงอื่น ๆ จากการผสาน AI โมเดล machine learning และระบบ ‘Grid เทรด’ ทำให้มั่นใจได้ว่าผู้ใช้จะได้รับผลประโยชน์สูงสุดจากการลงทุนของพวกเขา

ข้อดีของ Perceptrader AI 

  • ความสามารถ AI ขั้นสูง
  • บอทซื้อขาย AI ที่ใช้งานง่าย
  • ราคาถูกเมื่อเทียบกับเจ้าอื่น ๆ

ข้อเสียของ Perceptrader AI

  •  จำกัดเฉพาะสกุลเงินไม่กี่สกุล

4. Cryptohopper

ที่มา:Cryptohopper

Cryptohopper มาพร้อมเครื่องมือสร้างกลยุทธ์ Strategy Designer อันล้ำสมัย ผสานการทำงานของเครื่องมือวาดกราฟขั้นสูง ช่วยให้คุณวิเคราะห์ข้อมูลตลาด และกลยุทธ์การเทรดได้อย่างชัดเจน เครื่องมือนี้ยังรองรับการสร้าง และการ Backtest โดยไม่ต้องเขียนโค้ดใด ๆ ทั้งสิ้น รองรับตัวชี้วัด (Indicator) มากกว่า 130 ตัว

จุดเด่นที่เหนือกว่า คือระบบปัญญาประดิษฐ์ AI ภายใน Cryptohopper ที่สามารถเรียนรู้ความสำเร็จของกลยุทธ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกลยุทธ์ที่สร้างขึ้นเอง หรือ กลยุทธ์ที่คัดลอกมา โดยระบบ AI จะทำการวิเคราะห์สภาวะตลาด และเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมที่สุด เพื่อช่วยให้คุณทำกำไรสูงสุดแบบอัตโนมัติ ถือเป็นฟีเจอร์เด็ดที่แตกต่างจากแพลตฟอร์มอื่น ๆ ซึ่งมักจะเน้นการใช้กลยุทธ์เพียงกลยุทธ์เดียว

Cryptohopper เป็นแพลตฟอร์มที่มีค่าใช้จ่าย โดยแพ็คเกจระดับสูงสุดที่รวมระบบ AI มีราคา $129 ต่อเดือน  เหมาะสำหรับนักเทรดคริปโตที่ต้องการความสะดวกสบาย ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ ด้วยเทคโนโลยี AI ที่ล้ำสมัย ช่วยให้นักเทรดประหยัดเวลา ลดความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสในการทำกำไร

ข้อดีของ Cryptohopper 

  • ตลาดซื้อขายบอทสำหรับการ Copy Trade
  • สร้างและทดสอบย้อนหลังระบบการซื้อขายแบบกำหนดเอง
  • บอท AI จะสลับกลยุทธ์โดยอัตโนมัติ
  • รองรับตัวอินดิเคเตอร์มากกว่า 130 ตัว
  • รองรับกระดานเทรดคริปโตหลัก 17 แห่ง

ข้อเสียของ Cryptohopper 

  • รองรับการซื้อขาย crypto เท่านั้น
  • การใช้งานบอทบางตัวต้องมีการสมัครสมาชิกเพิ่มเติม

5. Coinrule

ที่มา:coinrule

Coinrule เป็นแพลตฟอร์มการเทรดคริปโตที่ใช้ AI อัตโนมัติที่เหมาะสำหรับมือใหม่ สามารถเชื่อมต่อกับกระดานเทรดคริปโตชั้นนำมากกว่าสิบแห่งทั่วโลก เพื่อความปลอดภัยของเงินทุน Coinrule ใช้ความปลอดภัยและการเข้ารหัสระดับ military-grade ทำให้ผู้ใช้มั่นใจในการเทรดคริปโตได้อย่างปลอดภัย

กลยุทธ์การเทรดที่ใช้ AI ของ Coinrule มีชื่อว่า ‘Catch the Swing’ ซึ่งวิเคราะห์ตัวชี้วัด RSI เพื่อหาช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเข้าซื้อและขายคริปโตในตลาดแบบ Sideway โดยแพลตฟอร์ม Coinrule มีแพ็กเกจ ‘Starter’ ที่ให้เริ่มการเทรดได้ฟรี แต่จำกัดการเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มคริปโตเพียงแห่งเดียวและปริมาณการเทรดต่อเดือนที่ $3,000 

ข้อดีของ Coinrules

  • เหมาะสำหรับมือใหม่
  • มีบริการใช้งานฟรี
  • สามารถปรับแต่งบอทเทรดได้

ข้อเสียของ Coinrules

  •  แผน Pro มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ($449.99 ต่อเดือน)

6. Bybit 

ที่มา:Bybit

Bybit เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยนคริปโตชั้นนำของโลก และแพลตฟอร์มนี้ยังรองรับบอทการเทรดคริปโตที่ใช้ AI ซึ่งช่วยให้คุณสร้างระบบการเทรดรูปแบบใหม่ โดยผู้ใช้สามารถเข้าถึงกลยุทธ์การเทรดที่ชาญฉลาดและข้อมูลเชิงลึก

หนึ่งในเครื่องมือที่มีให้ใช้งานบน Bybit คือ ‘TradeGPT’ ซึ่งเป็นโมเดลภาษาที่ใช้ AI และแพลตฟอร์มแชท โดยมันจะวิเคราะห์ข้อมูลย้อนหลังและทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยเทรดส่วนตัวของคุณ ด้วยการใช้การเรียนรู้ของเครื่อง Bybit ทำนายแนวโน้มคริปโตที่เป็นไปได้และเสนอโอกาสการเทรด TradeGPT จะอัปเดตตัวเองอย่างต่อเนื่องโดยการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวและแนวโน้มใหม่ของตลาด

นอกจากนี้ Bybit ยังมีเครื่องมือการเทรดอัตโนมัติชั้นนำบางตัว เช่น GRID และ DCAs โดยคุณสามารถเข้าถึงบอท ‘Futures GRID’ ด้วยการลงทุนขั้นต่ำเพียง $1 เพื่อเข้ามาใช้งาน และค่าธรรมเนียมการเทรดเริ่มต้นอยู่ที่เพียง 0.1% บน Bybit

ข้อดีของ Bybit

  • การลงทุนขั้นต่ำเพียง $1
  • มีอินดิเคเตอร์ให้เลือกใช้งาน
  • ไม่จำเป็นต้องสมัครสมาชิก

ข้อเสียของ Bybit

  • ไม่รองรับการใช้งานในบางประเทศ

อย่างไรก็ตามทั้ง 6 บอทเทรดคริปโตที่เราได้แนะนำมาในวันนี้ ล้วนมีจุดเด่นและจุดด้อยที่แตกต่างกัน นักเทรดควรเลือกบอทที่เหมาะสมกับความต้องการ ประสบการณ์ และกลยุทธ์การเทรดของตัวเอง นอกจากนี้ สิ่งสำคัญคือต้องศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับบอทเทรดคริปโตอย่างละเอียดก่อนใช้งาน เพื่อป้องกันความเสี่ยงและให้มั่นใจได้ว่าคุณเลือกบอทที่เชื่อถือได้และมีความปลอดภัย