ตลาดคริปโตเคอร์เรนซี เผชิญกับแรงสั่นสะเทือนรุนแรงอีกครั้ง เมื่อราคา Bitcoin ร่วงดิ่ง ต่ำกว่า 54,000 ดอลลาร์ เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน คิดเป็นการลดลงมากกว่า 7.8% ภายในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สร้างความกังวลและความตกใจให้กับนักลงทุนทั่วโลก
อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ Bitcoin ร่วงลงหนักขนาดนี้? มาวิเคราะห์ไปพร้อมกัน
#1 แผนชำระเงินคืนของ Mt. Gox
การกระจาย Bitcoin จำนวน 142,000 BTC ของ Mt. Gox แพลตฟอร์มเว็บเทรดคริปโตเคอร์เรนซีที่ปิดตัวลงไปแล้ว กำลังสร้างความวิตกกังวลอย่างมากให้กับตลาด
จำนวน Bitcoin ดังกล่าว คิดเป็นสัดส่วน 0.68% ของอุปทานเหรียญทั้งหมด ซึ่งจะถูกนำไปแจกจ่ายให้แก่เจ้าหนี้ของแพลตฟอร์มที่ยุติการให้บริการไปในปี 2014 หลังจากประสบเหตุการณ์การโจรกรรมครั้งใหญ่
กระบวนการกระจาย Bitcoin เริ่มต้นขึ้นแล้ว โดยมีการเคลื่อนย้าย Bitcoin จำนวน 52,633 เหรียญ ไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ซึ่งบ่งชี้ว่าเว็บเทรดกำลังมีการเตรียมการสำหรับการกระจายเหรียญในปริมาณมาก นักสังเกตการณ์ตลาดและนักวิเคราะห์ กำลังติดตามการเคลื่อนไหวนี้อย่างใกล้ชิด เนื่องจากความเป็นไปได้ที่เจ้าหนี้เหล่านี้อาจจะเทขาย Bitcoin จำนวนมาก ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความผันผวนของราคา Bitcooin
#2 รัฐบาลเยอรมัน
อีกเหตุการณ์คือ การตัดสินใจของรัฐบาลเยอรมันที่จะเริ่มขาย Bitcoin ที่พวกเขาถือครอง สิ่งนี้ได้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อตลาด โดยมีการบันทึกธุรกรรมบนกระดานแลกเปลี่ยนหลัก ๆ เช่น Bitstamp, Coinbase และ Kraken
ในระยะเวลาเพียงสองสัปดาห์ รัฐบาลเยอรมันได้ลดการถือครอง Bitcoin จาก 50,000 BTC เหลือ 42,274 BTC ซึ่งผู้เข้าร่วมตลาดต่างมีความกังวลว่า เหตุการณ์ครั้งดังกล่าวอาจนำไปสู่แรงกดดันให้ราคา Bitcoin ลดลงในที่สุด
#3 การล้างพอร์ต Long Postion ขนาดใหญ่
ตลาด Bitcoin ได้ประสบกับการล้างพอร์ตนักเทรดฝั่ง Long (การเดิมพันว่าราคาจะขึ้น) โดยมีการล้างพอร์ตในสินทรัพย์ BTC มูลค่าสูงถึง 212 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงเวลา 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา
การล้างพอร์ตครั้งนี้นับได้ว่าเป็นครั้งที่ใหญ่ที่สุดตั้งแต่วันที่ 13 เมษายน เมื่อตอนที่มีการล้าง BTC Long Position มูลค่า 261 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งได้นำไปสู่การลดลงอย่างมากของราคา Bitcoin จาก $68,500 ดอลลาร์เหลือ $61,600
แน่นอนว่าเหตุการณ์การล้างพอร์ตเหล่านี้มักจะกระตุ้นให้เกิดการถูกบังคับขาย (forced sell) และส่งผลส่งผลให้ความผันผวนของตลาดเพิ่มสูงขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน
#4 การยอมจำนนของนักขุด BTC
หลังจากเกิดเหตุการณ์ Bitcoin Halving ไปเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2024 รางวัลการขุดได้ถูกปรับลดลงจาก 6.25 BTC เหลือ 3.125 BTC ส่งผลแรงกดดันในด้านรายได้ต่อนักขุดเพิ่มขึ้น การปรับลดรางวัลบล็อกลงในครั้งนี้ ถูกคาดการณ์ว่าจะทำให้ราคาของ Bitcoin เพิ่มขึ้น แต่ทว่าราคากลับไม่เป็นเช่นนั้น เนื่องจากสิ่งนี้ทำให้นักขุดได้รับผลตอบแทนที่ลดลง
การยอมจำนนของนักขุดในปัจจุบันคล้ายกับช่วงตลาดตกต่ำในอดีต อาทิเช่น หลังการล่มสลายของ FTX นักวิเคราะห์จาก CryptoQuant เปิดเผยว่า ตัวชี้วัดของนักขุดรวมถึงการลดลงของ hashrate มากถึง 7.7% และรายได้จากการขุดต่อ hash ที่ลดลงใกล้ระดับต่ำสุดตลอดกาล ซึ่งหมายความว่านักขุดหลายรายถูกบังคับให้ถอดปลั้กเครื่องขุดและขาย Bitcoin เพื่อให้คลุ้มครองค่าใช้จ่าย
#5 เงินไหลเข้าจากกองทุน Bitcoin ETF ในสหรัฐฯ ชะลอตัวลง
เดิมทีนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า การลงทุนสถาบันผ่านกองทุน Spot Bitcoin ETF จะช่วยหนุนตลาดให้คึกคัก แต่ในความเป็นจริง กลับมีการชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัดในภาคส่วนนี้ “คลื่นลูกที่สอง” ของเงินทุนสถาบันที่คาดหวังกันนั้น ยังไม่เกิดขึ้น ส่งผลให้กิจกรรมภายในตลาด ETF ซบเซาลง
แรงกระหายที่มีต่อ Bitcoin ETF ไม่สามารถต้านทานความรู้สึกเชิงลบที่มีต่อตลาดโดยรวมได้ อย่างไรก็ตาม ผลกระทบโดยตรงของกองทุนเหล่านี้ค่อนข้างน้อย James “Checkmate” Check นักวิเคราะห์ข้อมูลบนบล็อกเชนชั้นนำ ประมาณการว่า ปริมาณการซื้อขายจริง ๆ ในตลาด มีเพียง 20% เท่านั้นที่เกี่ยวข้องกับ Spot ETF ส่วนที่เหลือมาจากการซื้อขายแบบดั้งเดิม ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้ถือครอง Bitcoin ระยะยาวจำนวนมาก ต่างเทขายสินทรัพย์ของตน ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบทำให้ราคา Bitcoin ร่วงลดลง
ในขณะที่รายงาน Bitcoin มีการซื้อขายกันอยู่ที่ $54,484 ลดลง 5.47% ตลอดช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา
- ที่มาข่าว:Newsbtc
- ที่มาภาพ:cryptoslate