<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

World Bank เผยได้ไม่คุ้มเสีย! ชี้หากไม่มีดิจิทัลวอลเล็ต ธปท. สามารถปรับลดดอกเบี้ยได้ถึง 0.50%

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ธนาคารโลก (World Bank) แสดงความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงจากโครงการดิจิทัลวอลเล็ตของนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ที่อาจส่งผลกระทบต่อสภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งอาจทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จำเป็นต้องเลื่อนแผนการลดอัตราดอกเบี้ยออกไป โดยธนาคารโลกประเมินว่า หากไม่มีโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ธปท. จะมีโอกาสที่จะลดอัตราดอกเบี้ยได้ถึง 0.50%

ในรายงานตามติดเศรษฐกิจไทยฉบับล่าสุด ธนาคารโลก (World Bank) ระบุว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังมีพื้นที่ให้ผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมได้อีก 50 bps หรืออาจลดดอกเบี้ย 0.5% ตามหลัก Taylor Rule ถ้าหากไม่มีโครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่กำลังจะมาถึง 

นอกจากนี้ ธนาคารโลกยังมองว่า การที่โครงการดิจิทัลวอลเล็ตนั้นมีความไม่แน่นอน และยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า จะเริ่มเมื่อไหร่ หรือมีใครได้รับบ้าง อาจเป็นการเพิ่มแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ ทำให้การผ่อนคลายนโยบายการเงินของ ธปท. อาจไม่เกิดขึ้น เนื่องจากโครงการดิจิทัลวอลเล็ตอาจเปลี่ยนสมดุลของความเสี่ยงจากการเติบโตทางเศรษฐกิจไปสู่ภาวะเงินเฟ้อ

ทางฝั่งของผู้เชี่ยวชาญอย่าง ดร.เกียรติพงศ์ อริยปรัชญา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสประจำประเทศไทย ธนาคารโลก กล่าวว่า 

“เงินเฟ้อเป็นความท้าทายหนึ่งของแบงก์ชาติ ซึ่งแบงก์ชาติต้องดูแลทั้งเงินเฟ้อและการเติบโต เนื่องจากว่ามีแรงกดดันที่อาจจะยังอยู่ในระบบ สอง มีเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตที่กำลังมา แต่มีความไม่แน่นอนว่า จะมาเมื่อไร จะมีผลต่อ GDP เงินเฟ้อเท่าไร ทำให้แบงก์ชาติตัดสินใจยาก ที่จะดำเนินนโยบายการเงิน”

ตามรายงานระบุว่า ธนาคารกลางยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเป็นกลาง แต่ความเสี่ยงจากแรงกดดันด้านราคาที่ซ่อนอยู่ รวมไปถึงผลกระทบจากโครงการดิจิทัลวอลเล็ตต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อ ทำให้นโยบายการเงินมีความซับซ้อน ส่งผลให้ท้ายที่สุดแล้ว ในปีนี้ (2567) ธปท. คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 2.50 ต่อปี

อย่างไรก็ตาม การประเมินเบื้องต้นของธนาคารโลกวิเคราะห์ว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ตอาจกระตุ้นเศรษฐกิจได้ราว 0.5-1% ของ GDP แต่มีต้นทุนมากถึง 2.7% ของ GDP ประเทศไทยเลยทีเดียว

ที่มา:Thestandard , thaipublica