บทวิเคราะห์ของ JPMorgan เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ระบุว่า การเพิ่มกฎระเบียบของสหรัฐฯ อาจเป็นความท้าทายที่สำคัญสำหรับบริษัท Tether ซึ่งเป็นผู้ออกเหรียญ Stablecoin ที่ใหญ่ที่สุดอย่าง USDT ซึ่งได้ครองตลาดคริปโตในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
Stablecoin เป็นสกุลเงินดิจิทัลประเภทหนึ่งที่ถูก Peg มูลค่าไว้กับเงินดอลลาร์สหรัฐ โดย USDT มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ประมาณ 117,000 ล้านดอลลาร์ มากกว่าคู่แข่งอันดับ 2 อย่าง USDC ของ Circle ถึง 3 เท่า
JPMorgan ระบุว่ากฎหมาย “Markets in Crypto Assets” (MiCA) ในยุโรปกำหนดว่า 60% ของเงินสำรองของ Stablecoin ควรถูกเก็บไว้กับธนาคารในยุโรป
นักวิเคราะห์ JPMorgan ที่นำโดย Nikolaos Panigirtzoglou กล่าวว่า”เมื่อพิจารณาจากองค์ประกอบของเงินสำรอง Tether แล้ว การที่บริษัทจะปฏิบัติตามข้อกำหนดที่เข้มงวดของ MiCA อาจจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในเชิงกลยุทธ์ด้านการจัดการเงินสำรอง”
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังกล่าวอีกว่า Tether เคยถูกตรวจสอบจากหน่วยงานกำกับดูแลมาก่อนหน้านี้ เนื่องจากขาดความโปร่งใสเกี่ยวกับองค์ประกอบของเงินสำรอง ทางธนาคาร ซึ่งกฏหมาย Stablecoin ตัวใหม่นี้ จะเพิ่มแรงกดดันต่อ Tether ให้เปิดเผยข้อมูลและการตรวจสอบที่ละเอียดมากขึ้น
การไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบใหม่เหล่านี้อาจคุกคามความเป็นผู้นำของ Tether ในตลาด Stablecoin ตามที่รายงานกล่าวไว้
ในขณะที่กฎหมายเกี่ยวกับ Stablecoin ในสหรัฐอเมริกายังอยู่ระหว่างการรอการออกบังคับใช้ แต่เมื่อมีการนำมาใช้ ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นในปี 2025 และคาดว่ามันจะทำให้สกุลเงินดิจิทัลสามารถเข้าสู่โลกการเงินกระแสหลักมากขึ้น
“Stablecoin ที่ปฏิบัติตามกฎระเบียบในสหรัฐฯ จะได้รับประโยชน์ ขณะที่ Stablecoin ที่ไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบจะถูกกดดัน ซึ่งอาจนำไปสู่การควบรวมกิจการในอุตสาหกรรม” รายงานกล่าว
หลังจากนั้น Tether ได้ออกมาปฏิเสธข้อโต้แย้งของ JPMorgan โดยกล่าวว่าบริษัทยังคงมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับผลกระทบของกฎหมาย MiCA ต่ออุตสาหกรรมในระยะยาว “เราตระหนักว่าผลกระทบของกฎระเบียบเหล่านี้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผู้ให้บริการสกุลเงินดิจิทัลที่มีเสถียรภาพทุกแห่ง จะเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป”
นอกจากนี้ Tether ยังวิพากษ์วิจารณ์บริษัทจาก Wall Street อย่างเช่น JPMorgan โดยกล่าวว่า
“นักวิเคราะห์ของ JPMorgan ดูเหมือนจะยังคงมีความเข้าใจผิดพื้นฐานเกี่ยวกับวิธีการทำงานของอุตสาหกรรมของเรา Tether ได้เปิดเผยกระบวนการและขั้นตอนการจัดการความเสี่ยงของเราอย่างชัดเจน ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าเรามีความปลอดภัย โปร่งใส และมั่นคงมากกว่าสถาบันการเงินแบบดั้งเดิมที่เคยแสดงให้เห็นในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา”
อย่างไรก็ตาม Tether ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า “เรามั่นใจว่า JP Morgan กำลังมองเราด้วยความอิจฉาหลังจากเห็นอัตราผลกำไรของ Tether และพวกเขาต้องดิ้นรนอย่างหนักเพื่อแข่งขันในตลาดคริปโต ในขณะที่ Tether ยังคงมุ่งมั่นที่จะให้บริการลูกค้ากว่า 350 ล้านคนทั่วโลก เพื่อกำหนดอนาคตให้กับเงินที่เราใช้กันอยู่ในชีวิตประจำวัน”
ที่มา:coindesk