<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ขำแห้ง! วิจัยเผย AI ยังต้องพัฒนาอีกเยอะ หลังทดสอบให้คิดมุกตลก แต่กลับบ้งแทบทุกมุก

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ปัจจุบันเทคโนโลยี AI มีความเก่งกาจหลากหลายด้านไม่ว่าจะเป็นการย่อข้อความ การสร้างรูปภาพ หรืออื่น ๆ แต่ว่ามันจะสามารถเขียนมุกออกมาได้ตลกหรือไม่

งานวิจัยใหม่เปิดเผยว่า AI สามารถเขียนมุกตลกได้ แต่ยังไม่ดีพอและมีข้อจำกัดอยู่อีกมาก ทำให้การค้นพบนี้ทราบได้ว่าแม้ AI จะเก่งกาจแต่ก็ยังมิอาจจะสู้ความสร้างสรรค์ของมนุษย์ได้ในปัจจุบัน

Piotr Mirowski หัวหน้าทีมวิจัย Google DeepMind ผู้ซึ่งเป็นดาวตลกในเวลาว่าง ได้ชวนให้เหล่าดาราตลกนำ AI มาใช้ในการทำงานเพื่อหาผลลัพธ์ ซึ่งแม้ว่าโมเดลตัวใหญ่อย่างจาก OpenAI หรือ Google จะสามารถทำได้ดีในด้านคำสั่งพื้นฐานง่าย ๆ เช่นการจัดลำดับคำ หรือสร้างดราฟงาน แต่มันก็ยังไม่สามารถสร้างอะไรที่ใหม่ มีความออริจินัลสดใหม่ หรือ ‘ตลก’ ออกมาได้ 

ในงานวิจัยจะเป็นการถามนักแสดงตลกมืออาชีพ 20 คนที่ใช้ AI เป็นอยู่แล้วลองสร้างมุกตลกที่คิดว่าควรที่จะเอาไปเล่นบนเวที ซึ่งผลที่ได้ก็ไม่ค่อยเป็นที่น่าพอใจมีทั้งดีและร้าย โดยกลุ่มตัวอย่างระบุว่าพวกเขารู้สึกสนุกที่ใช้ AI แต่ไม่ค่อยภูมิใจเท่าไรกับผลที่ได้เพราะมุกที่ออกมามันจืด เชย และไม่ตลก 

กลุ่มผู้ทดลองบางคนกล่าวว่า การใช้ AI นั้นดีในด้านของการสร้างไอเดียจาก 0 โดยจะเป็นให้มันคิดอะไรขึ้นมาก็ได้ก่อน เป็นเหมือนการสร้างโครงสร้าง จากนั้นก็ใช้ทักษะฝีมือของพวกเขาเองนำคำตอบเหล่านั้นไปต่อยอด

อย่างไรก็ดีการที่ AI ยังไม่สามารถสร้างมุกตลกดี ๆ ขึ้นมาได้ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจเพราะด้วยฟิลเตอร์การป้องกันขอบรรดาผู้สร้าง AI ทำให้มันไม่สามารถเข้าถึงเนื้อหาที่มีความละเอียดอ่อนได้ เช่นการเหยียด และความรุนแรง รวมไปถึงมุกตลกร้ายจิกกัดเสียดสีสังคม ทำให้มันมักจะสร้างมุกจากชุดข้อมูลที่มันเห็นว่าไม่มีพิษภัยขึ้นมา ซึ่งน่าเบื่อกว่ามุกประเภทเหล่านั้น

การทดลองดังกล่าวยังได้แสดงให้เห็นถึงความลำเอียงของ AI ประเภท LLM’s ว่ามันไม่ยอมที่จะสร้างมุกตลกจากมุมมองของผู้หญิงชาวเอเชีย แต่กลับยอมเขียนมุกตลกที่มาจากมุมมองของคนขาว ซึ่ง Tuhin Chakrabarty นักวิจัยที่ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ในโครงการนี้ แต่เขาร่วมให้ความเห็นว่า การสร้างผลงานครีเอทีฟนั้น ผู้สร้างจำเป็นที่จะต้องเข้าไปมีส่วนและเข้าไปหลอมรวมกับวัฒนธรรมต่าง ๆ จริง ในขณะที่ AI ทำได้เพียงแค่เลียนแบบเท่านั้น

สุดท้ายนี้ Chakrabarty ระบุว่าในอนาคตผู้คนจะนำ AI มาใช้ในการเขียนบท หรือ โฆษณาอยู่ดี แต่งานครีเอทีฟจริง ๆ รวมไปถึงอารมณ์ขันในชิ้นงาน มันมักจะมาจากประสบการณ์ชีวิตของคนแต่ง และอารมณ์ของพวกเขามากกว่าที่จะมาจากอัลกอริทึม AI

ที่มา : technologyreview