กรมสรรพากรเตรียมเร่งเสนอกฎหมายการจัดเก็บภาษีส่วนเพิ่ม ตามหลักการ Pillar 2 เพื่อการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลขั้นต่ำ (Global Minimum Tax) ที่กำหนดให้กลุ่มนิติบุคคลข้ามชาติขนาดใหญ่ เสียภาษีเงินได้ในอัตราภาษีที่แท้จริงไม่น้อยกว่า 15%
น.ส.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า กรมสรรพากร อยู่ระหว่างปรับแก้ไขกฎหมายให้บุคคลผู้มีเงินได้จากต่างประเทศ และพำนักอยู่ในประเทศไทยเกินกว่า 180 วัน มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จากปัจจุบันที่หากมีเงินได้จากต่างประเทศ และเมื่อได้นำเงินเข้ามาในประเทศไทย จึงค่อยเสียภาษีเงินได้ ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมตามหลักการของ World Wide Income ว่าไม่ว่าบุคคลจะมีรายได้จากที่ใด แต่หากมีถิ่นพำนักอยู่ในประเทศนั้นเกินกว่า 180 วัน ก็มีหน้าที่ที่จะต้องเสียภาษีเงินได้ โดยไม่ต้องคำนึงว่าจะนำเงินได้เข้ามาในประเทศแล้วหรือไม่
เดิมที นักลงทุนชาวไทยที่พำนักอยู่ในประเทศเกิน 180 วัน แต่ไม่ได้นำเงินที่ได้จากการลงทุนต่างประเทศกลับเข้ามาในประเทศไทย จะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ แต่กฎหมายใหม่ที่จะมีผลบังคับใช้ในปี 2568 กำลังจะเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์นี้ไปอย่างสิ้นเชิง ทำให้นักลงทุนทุกคนที่ได้รับรายได้จากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นจากการลงทุนในหุ้น, Forex หรือ Crypto จะต้องนำรายได้เหล่านั้นมารวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
การเปลี่ยนแปลงของกฎหมายภาษีครั้งนี้ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อนักลงทุนชาวไทยทุกคน เนื่องจากจะต้องมีการปรับเปลี่ยนวิธีการจัดการภาษีเงินได้จากการลงทุนต่างประเทศให้สอดคล้องกับกฎหมายใหม่ที่กำลังจะบังคับใช้ การไม่ปฏิบัติตามกฎหมายอาจนำไปสู่การถูกเรียกเก็บภาษีย้อนหลังและอาจมีค่าปรับเพิ่มเติมได้ ดังนั้นนักลงทุนจึงควรศึกษาข้อมูลและเตรียมตัวเพื่อให้พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้
อย่างไรก็ตาม มีข้อยกเว้นสำหรับผู้ลงทุนบางกลุ่ม เช่น ผู้ที่ลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศผ่านบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ที่จดทะเบียนในประเทศไทย หรือผู้ที่ลงทุนผ่าน DR (Depositary Receipt) และได้เสียภาษีในประเทศต้นทางไปแล้ว โดยเฉพาะประเทศที่มีอัตราภาษีสูงกว่าไทยและมีสนธิสัญญาภาษีซ้อนกับไทย ผู้ลงทุนกลุ่มนี้จะได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีซ้ำซ้อนในประเทศไทย