<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Mark Zuckerberg พลิกวิกฤต Metaverse ทะยานสู่ความมั่งคั่ง 2 แสนล้านดอลลาร์! ขึ้นแท่นเศรษฐีอันดับ 4 ของโลก

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

การเดิมพันใน Metaverse ของ Mark Zuckerberg ในช่วงแรกนั้น เคยถูกมองว่าเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ เนื่องจากส่งผลให้มูลค่าทรัพย์สินของเขาลดลงมากกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันสถานการณ์เริ่มพลิกกลับมาดีขึ้นอย่างชัดเจน เมื่อกลยุทธ์ที่เขาวางไว้เริ่มสร้างผลตอบแทนที่น่าประทับใจให้กับบริษัทและตัวเขาเอง จนเรียกได้ว่าเป็นการกลับมาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในวงการเทคโนโลยี

ในปัจจุบัน ราคาหุ้นของ Meta Platforms พุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 568.31 ดอลลาร์ต่อหุ้น ส่งผลให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของ Zuckerberg เพิ่มขึ้นเกือบ 6 เท่าภายในระยะเวลาไม่ถึงสองปี จนแตะระดับ 201,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นครั้งแรก สถานการณ์นี้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการปรับตัวและมองการณ์ไกลของ Zuckerberg ที่ทำให้ Meta กลับมาสร้างมูลค่าทางการเงินได้อย่างแข็งแกร่งอีกครั้ง หลังจากผ่านพ้นช่วงวิกฤต

จากความสำเร็จครั้งนี้ ทำให้ Mark Zuckerberg ขยับขึ้นมาเป็นมหาเศรษฐีอันดับ 4 ของโลก โดยมีทรัพย์สินตามหลังเพียงแค่ Elon Musk ที่ 2.72 แสนล้านดอลลาร์, Jeff Bezos ที่ 2.11 แสนล้านดอลลาร์ และ Bernard Arnault ที่ 2.07 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งข้อมูลจาก Bloomberg Billionaires Index ชี้ว่า Zuckerberg ได้กลับมายืนในตำแหน่งมหาเศรษฐีระดับแนวหน้าของโลกได้อย่างสมศักดิ์ศรี

ในขณะที่ปี 2024 บรรดานักธุรกิจเทคโนโลยีรายใหญ่มีมูลค่าทรัพย์สินที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก  เช่น Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia ที่มีมูลค่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจนอยู่ที่ 1.06 แสนล้านดอลฯ แต่ไม่มีใครที่มีการเติบโตมากเท่ากับ Zuckerberg ซึ่งมูลค่าทรัพย์สินของเขาเพิ่มขึ้นถึง 73,400 ล้านดอลลาร์นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2024 อันเนื่องมาจากการถือหุ้น 13% ใน Meta โดยราคาหุ้นปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันพุธที่ 25 กันยายน และในปีนี้ราคาหุ้นได้เพิ่มขึ้นถึง 60%

เหตุการณ์ในปีนี้แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากปี 2022 ที่ราคาหุ้นของ Meta และมูลค่าทรัพย์สินของ Mark Zuckerberg ร่วงลงอย่างหนัก หลังจากที่บริษัทต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการรีแบรนด์จาก Facebook ไปเป็น Meta และการทุ่มเงินมหาศาลในโครงการ Metaverse จนทำให้ Meta ต้องพยายามหาจุดยืนใหม่ในตลาด ในขณะที่คู่แข่งอย่าง TikTok กำลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้บริษัทเผชิญกับความท้าทายที่หนักหน่วง อย่างไรก็ตาม ตอนนี้นักวิเคราะห์เริ่มเห็นสัญญาณบวกของการเปลี่ยนแปลง เมื่อบริษัทเริ่มมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาผลิตภัณฑ์สำคัญอย่างแว่นตา Augmented Reality รุ่น Orion ที่กำลังได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภค

นักวิเคราะห์จาก JMP Securities ระบุว่า “ด้วยการพัฒนาฮาร์ดแวร์ของ Meta ตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และความก้าวหน้าในด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ทำให้ Orion กลายเป็นสัญลักษณ์ของการพลิกโฉมครั้งใหญ่ของ Meta จากบริษัทโซเชียลมีเดียสู่การเป็นบริษัท Metaverse อย่างเต็มตัว” คำกล่าวนี้สะท้อนให้เห็นว่าการปรับโครงสร้างองค์กร รวมถึงการเปลี่ยนโฟกัสไปสู่เทคโนโลยีล้ำสมัย กำลังเริ่มสร้างผลตอบแทนที่เป็นรูปธรรม หลังจากที่ Meta ต้องปลดพนักงานกว่า 25% ของบริษัท เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ รวมถึงมาตรการเชิงกลยุทธ์ เช่น การซื้อหุ้นคืนมูลค่า 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และการประกาศจ่ายเงินปันผลรายไตรมาสเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของบริษัท

นอกจากการเปลี่ยนแปลงในองค์กรแล้ว ภาพลักษณ์ของ Mark Zuckerberg ก็ได้ปรับเปลี่ยนไปอย่างมาก จากเดิมที่เคยถูกมองว่าเป็นผู้บริหารสายเทคโนโลยีที่เนิร์ด ตอนนี้ซีอีโอวัย 40 ปีได้ปรากฏตัวในบทบาทใหม่ในฐานะนักกีฬาโต้คลื่นและศิลปะการต่อสู้แบบ MMA ที่มุ่งมั่นอย่างจริงจัง อย่างไรก็ตาม เขาได้ตัดสินใจชัดเจนที่จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีกต่อไป หลังจากเคยมีบทบาทสำคัญในประเด็นทางสังคมและความยุติธรรมในอดีต โดยเขาเลือกที่จะหันมาทุ่มเทให้กับเส้นทางธุรกิจและการพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีมากกว่าเดิม ทำให้ Meta ยังคงก้าวหน้าในสนามแข่งขันเทคโนโลยีด้วยการลงทุนใน AI และสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพมากขึ้นเรื่อย ๆ