เมื่อวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา ‘อ.ตั๊ม’ ได้โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียส่วนตัวเกี่ยวกับปัญหาความเสื่อมค่าของเงินเฟียต พร้อมเตือนว่า “การออมเงินสดไม่ใช่คำตอบอีกต่อไป” เนื่องจากมูลค่าของเงินนั้นลดลงตามกาลเวลา เขาได้กล่าวเพิ่มเติมว่า การแสวงหารายได้และสร้างกระแสเงินสด (Cash Flow) กลับเป็นสิ่งสำคัญมากกว่าในการบริหารจัดการการเงิน เพราะเป็นวิธีเดียวที่จะช่วยให้คุณมีรายได้หมุนเวียนและเติบโตได้ในระยะยาว
คำแนะนำนี้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาของระบบการเงินในปัจจุบันที่ผู้คนถูกหลอกลวงให้เชื่อว่า “การออมคือความมั่นคง” ทั้งที่ความจริงแล้วอาจทำให้สูญเสียความมั่งคั่งที่คุณมีได้มากกว่า
‘อ.ตั๊ม’ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า สังคมมนุษย์กำลังเผชิญปัญหาความเสื่อมโทรมของอารยธรรม แม้ว่าภาพลักษณ์ภายนอกจะดูดีขึ้นในรอบ 50 ปีที่ผ่านมา แต่แท้จริงแล้วคุณค่าทางจิตใจและการพัฒนาอารยธรรมกลับถดถอยลง ผู้คนรู้สึกหมดหวังกับอนาคต หลายประเทศเผชิญปัญหาประชากรเกิดน้อยและเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างรวดเร็ว
ในขณะที่เงินเก็บของผู้สูงอายุถูกกัดกร่อนโดยรัฐผ่านนโยบายเงินเฟ้อและภาษี ทำให้คนรุ่นใหม่ต้องแบกรับภาระของคนรุ่นก่อนหน้าและขาดโอกาสในการสร้างความมั่งคั่งได้อย่างแท้จริง เหตุการณ์เหล่านี้เป็นตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวของระบบเศรษฐกิจในปัจจุบัน
คำพูดของ ‘อ.ตั๊ม’ ยังทำให้เรานึกถึงคำพูดของคุณ CK Fast Work ที่ทาง Siamblockchain เคยรายงานไปก่อนหน้านี้ว่า “เงินสดคือหนี้สิน” ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า การเก็บเงินสดนั้นอาจไม่ได้ให้ประโยชน์มากอย่างที่คิด
ในทางกลับกัน การถือครองเงินสดอาจทำให้เสียประโยชน์ได้มากกว่า เมื่อเทียบกับการถือสินทรัพย์ตัวอื่นๆ เนื่องจากเศรษฐกิจที่มีเงินเฟ้อสูง และนโยบายจากทางภาครัฐที่พิมพ์เงินอัดเข้าสู่ระบบเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพื่อพยุงเศรษฐกิจ แต่ดันมากระทบกับเงินในกระเป๋าคุณ ส่งผลให้มูลค่าที่แท้จริงของเงินสดถูกทำให้ลดลงอย่างต่อเนื่อง
แม้ความเห็นของทั้ง ‘อ.ตั๊ม’ และคุณ CK Fast Work อาจมีมุมมองที่แตกต่างกันในบางจุด แต่สิ่งหนึ่งที่ทั้งสองเห็นตรงกันคือ ความเสื่อมค่าของเงินสดในปัจจุบันทำให้มันไม่สามารถเป็นแหล่งเก็บความมั่งคั่งได้อีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่เงินสดสูญเสียความสำคัญลง การมองหาวิธีสร้างรายได้และ Cash Flow เพื่อจัดการกระแสเงินสดอย่างมีประสิทธิภาพจึงกลายเป็นหัวใจสำคัญของการบริหารการเงินและความมั่งคั่งยุคใหม่
ที่มา:FB/Piriya Sambandaraksa