ท่ามกลางตลาดหุ้นที่กำลังพุ่งทะยานแบบหยุดไม่อยู่ ดัชนี S&P 500 สามารถทำสถิติใหม่ด้วยการเติบโตสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1997 แม้ว่าจะมีความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างประเทศที่รุนแรงขึ้น รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงวิกฤตการเงินที่จะเกิดขึ้น แต่ตัวชี้วัดสำคัญที่นักลงทุนระดับตำนานอย่าง Warren Buffet เฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิดกลับแสดงสัญญาณถึงความร้อนแรงที่น่าเป็นห่วง โดยทะยานแตะระดับสูงสุดเหนือกว่าช่วงวิกฤตฟองสบู่ดอทคอมและวิกฤตการเงินโลกในอดีต
จากข้อมูลล่าสุดบนแพลตฟอร์ม X โดย Barchart ระบุว่า Buffett Indicator ซึ่งวัดอัตราส่วนระหว่างมูลค่าตลาดหุ้นทั้งหมดของประเทศเมื่อเทียบกับ GDP กำลังเคลื่อนไหวเข้าใกล้ระดับ 200% นับเป็นการส่งสัญญาณเตือนถึงความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในระบบเศรษฐกิจอีกครั้ง แม้ภาพรวมตลาดจะดูเหมือนเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แต่การเพิ่มขึ้นของดัชนีนี้อาจสะท้อนถึงมูลค่าที่สูงเกินจริงของสินทรัพย์ในตลาดหุ้นได้เช่นกัน
ในอดีตค่าเฉลี่ยของอินดิเคเตอร์ตัวนี้จะอยู่ที่ประมาณ 70% ซึ่งถือเป็นระดับปกติ แต่ในช่วงหลาย 10 ปีที่ผ่านมา ค่ามาตรฐานได้ขยับเข้าใกล้ 100% มากขึ้นเรื่อย ๆ โดยอินดิเคเตอร์ได้ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนมิถุนายนปีนี้
แม้ว่าค่าปัจจุบันจะดูน่ากลัว แต่ควรรู้ไว้ก่อนว่า Buffett Indicator ไม่ได้เป็นตัวชี้วัดถึงวิกฤตเศรษฐกิจอย่างแม่นยำเสมอไป เนื่องจากมันสามารถคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้เพียงประมาณครึ่งหนึ่งเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม การที่อินดิเคเตอร์ตัวนี้พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเช่นนี้ เป็นสัญญาณเตือนถึงสภาวะที่ร้อนแรงของตลาดหุ้นอย่างชัดเจน ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพของระบบการเงินที่เพิ่มสูงขึ้น นักลงทุนต่างหันมาจับตามองมูลค่าการประเมินราคาหุ้นอย่างใกล้ชิด และเริ่มมองหาการป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น
ที่น่าสังเกตคือ การเพิ่มขึ้นของ Buffet Indicator เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่นักลงทุนเริ่มหันไปหาสินทรัพย์ปลอดภัยกันมากขึ้น อาทิเช่น ทองคำ โดยกองทุน ETF ที่มุ่งเน้นการลงทุนในทองคำและธุรกิจเหมืองทองมียอดเงินไหลเข้าสูงถึง 3.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นับตั้งแต่เดือนสิงหาคม
ความต้องการทองคำที่พุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์นี้ ทำให้ทองคำมีแนวโน้มที่จะทำผลตอบแทนรายปีที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 1979 โดยในปัจจุบันราคาทองคำได้เพิ่มขึ้นกว่า 28% ตั้งแต่ต้นปี และซื้อขายอยู่ที่ประมาณ $2,645 ต่อออนซ์ ในขณะที่เมื่อหนึ่งปีก่อน ราคาทองคำอยู่ที่เพียง $1,800 ต่อออนซ์เท่านั้น
การที่ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นเกิดขึ้นในขณะเดียวกันกับที่ปริมาณเงินหมุนเวียนทั่วโลกในสหรัฐอเมริกา, ยูโรโซน, ญี่ปุ่น และจีน ได้แตะระดับ 89.7 ล้านล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ โดยตัวเลขมีการพุ่งขึ้นกว่า 7.3 ล้านล้านดอลลาร์ภายในระยะเวลาเพียงหนึ่งปีที่ผ่านมา
ที่มา:cryptoclobe