คำพูดของ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร เซียนหุ้นผู้มีฉายาว่า “วอร์เรน บัฟเฟต เมืองไทย” ได้ทำให้ใครหลายต้องหันมาฉุกคิดอีกครั้ง โดยล่าสุดเขาได้พูดถึงการลงทุนในแนวทางที่ถูกต้อง พร้อมยกตัวอย่างคำพูดของบรรดาบอสในกรณีของ ดิ ไอคอน กรุ๊ป ว่า “ขยันผิดที่ 10 ปี ก็ไม่รวย” ขณะที่เขาเสนอแนวคิดที่ต่างออกไปว่า “ขยันถูกที่ 30 ปีจึงจะรวย!”
ดร.นิเวศน์แนะให้มีการออมเงินอย่างสม่ำเสมอปีละ 10% และเลือกลงทุนในหุ้นบริษัทที่มีพื้นฐานดี แทนที่จะลงในทรัพย์สินที่ไม่แน่นอน เช่น นาฬิกาหรู, เหรียญคริปโต, พระเครื่อง หรือผลงานศิลปะ และควรเลี่ยงหลักทรัพย์อนุพันธ์ที่ซับซ้อน เช่น หลักทรัพย์อนุพันธ์, DW และวอแรนต์
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุนเน้นคุณค่า (Value Investor) เปิดเผยว่า กรณีของดิไอคอนกรุ๊ปที่ถูกกล่าวหาว่ามีความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนจำนวนมาก โดยการหลอกลวงให้คนเข้ามา “ลงทุน” ทำธุรกิจขายสินค้าแบบเครือข่ายที่จะสามารถทำเงินได้อย่างรวดเร็วจนร่ำรวย โดยมีคติพจน์ว่า “ขยันผิดที่ 10 ปี ก็ไม่รวย” นั้น
ผมคิดว่าเป็นคำพูดมาตรฐานที่ถูกใช้ตลอดมาที่จะชักชวนให้คนเข้ามาร่วมทำงานหรือธุรกิจหรือลงทุนในสิ่งที่มักจะทำให้คนที่เป็นเจ้าของธุรกิจหรือคนคุมกิจกรรมรวยมาก คนที่ตามมาก็อาจจะรวยบ้าง แต่คนส่วนใหญ่ที่มาทีหลังสุดจะจน และบางครั้งก็หมดตัว เพราะสิ่งที่ทำนั้นจะมีลักษณะคล้าย “แชร์ลูกโซ่” ที่เอาเงินคนที่มาทีหลังมาจ่ายให้กับคนที่มาก่อน
ในฐานะของคนที่ประสบความสำเร็จในการสร้างความร่ำรวยระดับหนึ่งจากการที่เคยเป็นคนจนในวัยเด็กและคนชั้นกลางในช่วงวัยกลางคน ผมคิดว่าวิธีสร้างความร่ำรวยได้จริง ๆ นั้นมีอยู่ แต่คน ๆ นั้นจะต้องขยัน “ถูกที่” และก็ต้องใช้เวลาสัก 30 ปี ก่อนที่จะรวย
คำว่าขยันถูกที่นั้น ไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลย อาจจะเป็นงานประจำที่เราทำอยู่ แต่ต้องเป็นงานที่ให้รายได้ค่อนข้างแน่นอนและดีพอสมควร งานนั้นซึ่งอาจจะมีหลายอย่างรวมถึงงานพิเศษด้วย สามารถทำรายได้ให้เราเพียงพอในการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และมีเงินเหลือเก็บเฉลี่ยเดือนละ 10,000 บาท ซึ่งเราจะนำมาลงทุนอย่างสม่ำเสมอในตลาดหุ้น
ดร.นิเวศน์ ยกตัวอย่างการเก็บออมและการลงทุน โดยเริ่มจากเดือนละ 10,000 บาท และเพิ่มขึ้นปีละ 10% หมายความว่า ปีที่ 2 คุณจะต้องออมเดือนละ 11,000 ไปจนถึงปีสุดท้ายแบบเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งใน 30 ปี จะสามารถปั้นพอร์ตให้มีมูลค่าประมาณ 62.7 ล้านบาท แบบนำกำไรที่ได้มาทบต้นทั้งหมด ไม่ถอนมาใช้เลยซักบาท
ถ้าหากสมมุติตอนนี้คุณอายุ 30 ปี เมื่อคุณอายุ 60 คุณจะมีเงินมากถึง 50- 62.7 ล้านบาท ในกรณีที่คิดเผื่อว่า ผลตอบแทนต่อปีของคุณได้น้อยกว่าสมมุติฐานของ ดร.นิเวศน์
ในความเป็นจริง การสร้างรายได้ในระดับที่ตั้งเป้าหมายไว้ไม่ใช่เรื่องยากนัก แต่การออมเงินให้ได้ตามที่กำหนดกลับเป็นเรื่องที่ท้าทายมากกว่า เริ่มจากการออมเดือนละ 10,000 บาท หรือปีละ 120,000 บาท และเพิ่มขึ้นปีละ 10% อย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 30 ปีนั้น ต้องใช้ความขยันและวินัยในการออมอย่างจริงจัง หากต้องการสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว นอกจากนี้ การลงทุนให้ “ถูกที่” ก็มีความสำคัญไม่น้อย เพราะการลงทุนในหุ้นจดทะเบียนที่มีพื้นฐานดีจะช่วยให้เงินเติบโตได้อย่างมั่นคง
การลงทุนที่ถูกต้องควรมุ่งเน้นไปที่หุ้นจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และควรหลีกเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์ที่ไม่มีพื้นฐานทางธุรกิจ เช่น เหรียญดิจิทัล นาฬิกา งานศิลปะ หรือพระเครื่อง นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการลงทุนในหลักทรัพย์อนุพันธ์ที่ซับซ้อน เช่น วอแรนต์ และเครื่องมือทางการเงินที่เพิ่มความเสี่ยงจากการกู้เงิน เช่น การใช้มาร์จิ้นในการซื้อขายหุ้น การทำบล็อกเทรด รวมถึงการเทรดฟิวเจอร์สและออปชัน ซึ่งอาจนำไปสู่การขาดทุนอย่างรุนแรงได้ หากไม่ระมัดระวังในการลงทุน
สุดท้ายนี้ ดร.นิเวศน์ ย้ำว่า ความขยันและวินัยในการออมเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความร่ำรวยในระยะยาว แม้ว่าจะมีความผันผวนในตลาด แต่การมองภาพรวมและประเมินสถานะการลงทุนอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ในอนาคต
ที่มา:Prachachart