ประเทศไทยถูกมองว่าเป็นหนึ่งในตลาดเชิงกลยุทธ์สำคัญของ Binance แพลตฟอร์มการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีเป้าหมายที่จะขยายฐานผู้ใช้งานให้ถึง 1 พันล้านคน เพื่อผลักดันให้สกุลเงินดิจิทัลกลายเป็นเงินที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ตามที่ผู้บริหารของบริษัทได้ระบุไว้
Rachel Conlan ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของ Binance กล่าวว่าประเทศไทยอยู่ในกลุ่มตลาด 20 อันดับแรกจากกว่า 100 ประเทศที่ Binance ดำเนินธุรกิจ โดยมีอัตราการใช้สกุลเงินดิจิทัลในไทยสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกถึงสองเท่า
“เอเชียเป็นตลาดหลักของ Binance แม้ว่า หลายประเทศจะเป็นกลุ่มผู้ใช้งานคริปโตในช่วงเริ่มต้นก็ตาม” Rachel Conlan กล่าวในระหว่างงาน Binance Blockchain Week ที่จัดขึ้นในดูไบ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
“ประเทศไทยมีแนวทางบุกเบิกในการใช้คริปโต โดยพยายามนำเสนอกฎระเบียบและกรอบการดำเนินงานอย่างเหมาะสม ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยให้วงการนี้เติบโตและก้าวไปข้างหน้า”
ข้อมูลล่าสุดระบุว่า อัตราการใช้คริปโตของประเทศไทยอยู่ที่ 12% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์เฉลี่ยจากทั่วโลกที่ 6% โดยมีผู้ใช้งาน Binance จากทั่วโลกกว่า 240 ล้านคน
Rachel Conlan ยอมรับว่า การใช้งาน Bitcoin ทั่วโลกยังค่อนข้างต่ำ แม้ว่าสกุลเงินดิจิทัลนี้จะมีมานานแล้วก็ตาม แต่ในปัจจุบันวงการคริปโตได้รับความนิยมมากขึ้นจากปัจจัยบวกหลายประการ
Rachel Conlan กล่าวว่า “เพียงแค่ Binance ก็มีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้น 60 ล้านคน ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งไม่ใช่เพียงเพราะว่า Binance เป็นแบรนด์ที่ดีเท่านั้น แต่เป็นเพราะการที่อุตสาหกรรมนี้ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น จากการใช้งานในระดับสถาบันและการอนุมัติกองทุน ETF”
“บริษัทอย่าง Binance และพันธมิตร รวมถึงบริษัท Web 2.0 ได้ช่วยให้คริปโตเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ทำให้ผู้ใช้งานเข้าใจว่า ไม่ได้เป็นเรื่องหลอกลวง หรือสิ่งที่ต้องกลัว” Rachel Conlan กล่าว
ในมุมมองของ Binance การเป็นกระแสหลัก หมายถึงอัตราการใช้คริปโตทั่วโลกอยู่ที่ 20%
“นั่นหมายความว่า 1 ใน 5 คนถือครองสกุลเงินดิจิทัลในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ฉันคิดว่า เราคงต้องใช้เวลาอีกประมาณ 36 เดือน จึงจะไปถึงจุดนั้น”
สำหรับเป้าหมายที่มีผู้ใช้งานครบ 1 พันล้านคน จะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า บริษัทได้เติบโตจากตลาดเฉพาะกลุ่มไปสู่กระแสหลัก
Rachel Conlan กล่าวเสริมว่า ยังมีความจำเป็น ในการให้ความรู้จำนวนมาก เพื่อขับเคลื่อนวงการคริปโตให้ก้าวไปข้างหน้า
Richard Teng CEO ของ Binance กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทเป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับการควบคุมมากที่สุดในโลก โดยมีการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลอยู่แล้ว 20 แห่งและกำลังดำเนินการเพิ่มเติม ให้มีอีกหลายแห่งตามมาในอนาคต
“เรากำลังทำงานร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลก เพื่อพัฒนากรอบการควบคุมคริปโต” Richard Teng กล่าวเพื่อตอบสนองต่อข้อมูลตลาดล่าสุด ที่ระบุว่า Binance สูญเสียส่วนแบ่งตลาดให้แก่คู่แข่งรายย่อย เนื่องจากอุปสรรคด้านกฎระเบียบที่เพิ่มขึ้นที่บริษัทต้องเผชิญ
สำหรับปีหน้า Richard Teng คาดว่า ปี 2025 จะเป็นปีที่ดีกว่าปี 2024 สำหรับคริปโตและราคาสินทรัพย์อื่น ๆ โดยมีสภาพเศรษฐกิจมหภาคเป็นปัจจัยสนับสนุนหลัก
“อย่างที่ทราบกันดีว่า เรากำลังเข้าสู่ช่วงเศรษฐกิจที่อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มลดลง ภาวะเงินเฟ้อเริ่มอยู่ภายใต้การควบคุม ดังนั้นธนาคารกลางทั่วโลก จึงเตรียมลดดอกเบี้ย ซึ่งน่าจะช่วยสนับสนุนสินทรัพย์ทั่วโลกได้อย่างดี”
“ตอนนี้ หากพิจารณาถึงสถาบันการเงิน 200 อันดับแรกในโลก ทุกแห่ง ต่างมีแผนเกี่ยวกับบล็อกเชน และเริ่มทำธุรกรรมคริปโต นี่ถือว่าเป็นแรงขับเคลื่อนที่ยิ่งใหญ่ ในมุมมองของผู้ใช้งาน ความชัดเจนด้านกฎระเบียบเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากมีหน่วยงานมากขึ้นที่ออกกรอบการดำเนินงาน ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้งานมั่นใจในความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น”
ที่มา : bangkokpost