รายงานล่าสุดได้มีการระบุว่ารัฐบาลใหม่ของ โดนัลด์ ทรัมป์ มีแผนการที่จะโอนถ่ายอำนาจในการกำกับดูแลอุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซีมูลค่ากว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์ออกจาก ก.ล.ต. (SEC) ไปยัง คณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้า (CFTC) แทน
การเคลื่อนไหวในครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นการโจมตีจากทางฝ่ายทรัมป์ที่ต้องการปลดอำนาจของ SEC ออกหลังจากที่หน่วยงานภายใต้การดูแลของ Gary Gensler ได้สร้างปัญหามากมายให้กับอุตสาหกรรมคริปโต มาโดยตลอดส่งผลให้มันไม่สามารถเติบโตได้อย่างที่ควรในสมัยของรัฐบาลไบเดน ซึ่งตัวของทรัมป์เองก็ได้มีความต้องการกระตุ้นให้เกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ ในภาคส่วนนี้
ทั้งนี้แม้ CFTC จะเป็นหน่วยงานที่เล็กกว่า SEC แต่ตัวของทรัมป์มองว่าพวกเขาเป็นหน่วยงานที่เหมาะสมกับคริปโตมากกว่า เห็นได้จากการที่หน่วยงานสามารถกำกับดูแล ตลาดซื้อขายมูลค่ากว่า 20 ล้านล้านดอลลาร์ ไม่ว่าจะเป็น Futures , Options หรือ สินค้าโภคภัณฑ์ เช่น น้ำมันดิบ และทองคำ
เมื่อวิเคราะห์ลึกลงไปจะพบว่าการกำกับดูแลของ SEC นั้นจะเน้นไปในด้านของนักลงทุนรายย่อยเป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่ CFTC นั้นจะมีกลุ่มเป้าหมายเป็นนักลงทุนระดับสถาบันที่สามารถจัดการความเสี่ยงทางการเงินได้ดีกว่า นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้รัฐบาลใหม่เชื่อมั่นว่าหน่วยงานจะสามารถเข้ามากำกับดูแลคริปโตได้
ด้าน Chris Giancarlo อดีตประธาน CFTC ผู้มีฉายาว่า “Crypto Dad” ได้ออกมาสนับสนุนแผนการดังกล่าวด้วยเช่นกัน พร้อมระบุว่าถ้าหน่วยงานมีเงินทุนที่พร้อม ประกอบกับผู้นำที่ดี ทาง CFTC จะสามารถเริ่มกำกับดูแลคริปโตได้ตั้งแต่วันแรกที่ทรัมป์รับตำแหน่งประธานาธิบดีได้เลยทีเดียว มากไปกว่านั้นเขายังเผยว่าในสมัยที่เขาดำรงตำแหน่ง CFTC มอง Bitcoin เป็นสินค้าโภคภัณฑ์มานานแล้วและพวกเขาก็ทำงานร่วมกับคริปโตมานานกว่าที่ใครหลายคนจะคิด จนกระทั่ง Gensler เข้ามาและตีตราคริปโตให้เป็นหลักทรัพย์ซึ่งสร้างปัญหาตามมาเป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตามไม่ใช่ทุกคนใน CFTC จะเห็นด้วยกับแผนดังกล่าว เพราะพวกเขาต่างกังวลว่าการขยายขอบเขตอำนาจไปยังสินทรัพย์ดิจิทัลจะทำให้เกิดปัญหาใหม่ตามขึ้นมา
- ที่มา : Cryptopolitan
- ภาพ : Blockworks