<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

สัญญา Smart Contract จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงวงการอสังหาในโลกจริงได้อย่างไร?

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

สัญญาอัจฉริยะหรือ “Smart Contract” ซึ่งถูกสร้างขึ้นบนเทคโนโลยี บล็อกเชน นั้นถูกออกแบบมาให้ทำงานได้เองอัตโนมัติ โดยสัญญาตัวนี้จะช่วยให้การซื้อขายและธุรกรรมด้านอสังหาริมทรัพย์ง่ายขึ้น โปร่งใสมากขึ้น และปลอดภัยมากขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งตัวกลางหรือเสียเวลาไปกับเอกสารที่ซับซ้อน

ความท้าทายของการทำธุรกรรมอสังหาแบบดั้งเดิม

เดิมที การทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์แบบเก่าจะเต็มไปด้วยตัวกลาง เช่น นายหน้า ธนาคาร ทนายความ และบริษัทตรวจสอบเอกสารโฉนด ซึ่งแต่ละขั้นตอนมักเพิ่มค่าใช้จ่าย ทำให้เกิดความล่าช้า และเสี่ยงต่อข้อผิดพลาด นอกจากนี้ การจัดการเอกสารจำนวนมากยังเพิ่มโอกาสให้เกิดการฉ้อโกงและข้อพิพาทในสัญญา

ผลลัพธ์ที่ออกมาคือ กระบวนการซื้อ-ขายที่ใช้เวลานาน ค่าใช้จ่ายสูง และสร้างความไม่พอใจให้กับทุกฝ่าย จึงเป็นจุดที่ สัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) อาจก้าวเข้ามาแก้ไข ลดขั้นตอนตัวกลาง และเพิ่มความโปร่งใส เพื่อเปลี่ยนโฉมวงการอสังหาริมทรัพย์ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

สัญญาอัจฉริยะ (Smart Contracts) สามารถดำเนินการและเสร็จสิ้นการทำธุรกรรมด้านอสังหาริมทรัพย์ได้โดยอัตโนมัติ โดยทำการเขียนเงื่อนไขหรือข้อตกลงในรูปแบบดิจิทัล ผ่านการเขียน Code และดำเนินการตามที่ระบุไว้ ได้อย่างอัตโนมัติ เมื่อเงื่อนไขที่กำหนดไว้นั้นครบถ้วน ทำให้การทำธุรกรรมไม่จำเป็นต้องมีตัวกลางเข้ามาเกี่ยวข้อง

ตัวอย่างเช่น ในกรณีการใช้สัญญาอัจฉริยะ  (Smart Contracts) เงินที่ถืออยู่สามารถจัดเก็บในบัญชี Escrow (ตัวกลาง) และจะถูกโอนไปยังผู้ขายโดยอัตโนมัติเมื่อผู้ซื้อยืนยันว่าทุกเงื่อนไขที่กำหนดไว้ เช่น การตรวจสอบทรัพย์สินหรือการอนุมัติสินเชื่อ ได้ดำเนินการครบถ้วนแล้ว

วิธีนี้ช่วยลดความล่าช้าในกระบวนการ และทำให้ทุกขั้นตอนที่จำเป็นสำหรับการทำธุรกรรมสำเร็จลุล่วงเป็นที่ทราบและตรวจสอบได้ เพิ่มความโปร่งใสและความสะดวกให้กับทั้งผู้ซื้อและผู้ขายในตลาดอสังหาริมทรัพย์

ประโยชน์ของ Smart Contracts ต่อผู้ซื้อ ผู้ขาย และตัวแทนอสังหาริมทรัพย์

1. เพิ่มประสิทธิภาพ (Efficiency)

Smart Contracts ช่วยลดบทบาทของตัวกลาง ทำให้ระยะเวลาในการปิดการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ลดลง กระบวนการอัตโนมัติ เช่น การโอนเงินใน Escrow การโอนกรรมสิทธิ์ และการชำระเงิน ช่วยให้การทำธุรกรรมสะดวกขึ้น ลดงานเอกสารที่ยุ่งยาก

2. ลดค่าใช้จ่าย (Lower Costs)

ด้วยการตัดตัวกลางออกจากการทำธุรกรรม เช่น นายหน้าและผู้ให้บริการทางกฎหมาย การใช้สัญญา Smart Contracts จะช่วยลดค่าธรรมเนียมและค่าคอมมิชชั่น ทำให้ผู้ซื้อและผู้ขายเสียค่าใช้จ่ายด้านบริการทางกฎหมายและงานเอกสารน้อยลง

3. เพิ่มความโปร่งใส (Transparency)

สัญญา Smart Contracts ให้ข้อมูลการทำธุรกรรมที่ไม่สามารถแก้ไขได้บนระบบบล็อกเชน ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องสามารถตรวจสอบสถานะและอัปเดตของการทำธุรกรรมได้แบบเรียลไทม์ ลดความเสี่ยงจากข้อพิพาทและความเข้าใจผิด เพราะทุกขั้นตอนถูกบันทึกไว้อย่างชัดเจน

4. เพิ่มความปลอดภัย (Security)

การใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนช่วยเข้ารหัสข้อมูลในสัญญา Smart Contracts ป้องกันความเสี่ยงจากการฉ้อโกงและรักษาข้อมูลสำคัญ เช่น โฉนดที่ดินและบันทึกกรรมสิทธิ์ต่างๆ ให้ปลอดภัย

5. ปิดการขายได้เร็วขึ้น (Faster Closing)

ในกระบวนการอสังหาแบบดั้งเดิม การปิดการขายอสังหาริมทรัพย์อาจใช้เวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน เนื่องจากมีหลายฝ่ายและขั้นตอนที่ต้องจัดการ แต่สัญญา Smart Contracts ช่วยให้กระบวนการทำธุรกรรมทั้งหมดเสร็จเร็วขึ้น ด้วยการทำงานอัตโนมัติและลดการพึ่งพาตัวกลาง

สรุป

Smart Contracts นั้นมีความสามารถเพียงพอที่จะเข้ามาปฏิวัติวงการอสังหาริมทรัพย์ โดยการลดความไม่มีประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และเพิ่มความโปร่งใสในขั้นตอนต่าง ๆ โดยที่ไม่ต้องพึ่งพาตัวกลาง เช่น นายหน้า, Escrow, หรือผู้โอนกรรมสิทธิ์ เพราะขั้นตอนเหล่านี้ ถูกทำให้เป็นอัตโนมัติ

เทคโนโลยีนี้มีแนวโน้มที่จะกลายเป็นส่วนสำคัญของอนาคตในวงการอสังหาริมทรัพย์ เมื่อเทคโนโลยีบล็อกเชนก้าวหน้าไปเรื่อย ๆ เพราะมันจะเปลี่ยนวิธีการซื้อขายและบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ไปอย่างสิ้นเชิง

ที่มา : sfctoday