Bull Trap หรือ “กับดักตลาดขาขึ้น” คือ สัญญาณที่หลอกให้นักลงทุนเชื่อว่า ตลาดกำลังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น แต่อันที่จริงแล้ว ตลาดกำลังจะกลับตัวกลายเป็นขาลง ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้บ่อยในตลาดคริปโต การเรียนรู้และทำความเข้าใจเรื่องนี้ จึงเป็นสิ่งสำคัญในการทำให้เงินทุนของคุณรอดพ้นจากกับดักเหล่านี้
ทำไม Bull Trap ถึงเกิดขึ้น ?
Bull Trap นั้นจะเกิดขึ้น เมื่อมีการหลอกให้นักลงทุนเชื่อว่า โปรเจกต์กำลังอยู่ในช่วงเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งมักได้รับอิทธิพลจากปัจจัยทางจิตวิทยา เช่น ความกลัวว่าจะพลาดโอกาส (FOMO) นักลงทุนอาจรีบลงทุนโดยคาดหวังผลกำไรระยะยาว แต่ราคากลับลดลงอย่างไม่คาดคิด
ยกตัวอย่างเช่น หากมีคนโพสต์บน X ว่า “ Bitcoin ได้รับการอนุมัติให้เป็นสกุลเงินที่ถูกกฎหมายในประเทศเราแล้ว” คุณและคนอื่น ๆ อาจเห็นข่าวนี้แล้วรีบลงทุนใน Bitcoin ทำให้ราคาพุ่งขึ้น การเพิ่มขึ้นของราคานี้อาจดึงดูดนักลงทุนรายอื่นเข้ามา ทำให้ดูเหมือนว่า ตลาดกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น
แต่ถ้าหากในภายหลังมีการเปิดเผยว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง นักลงทุนอาจถอนเงินออกจาก Bitcoin ทันที ส่งผลให้ราคาร่วงลง หากคุณขายออกไม่ทัน คุณอาจเผชิญกับการขาดทุน
ดังนั้น เรื่องของเวลา (Timing) จึงมีความสำคัญมาก เพราะการที่ราคาสินทรัพย์เพิ่มขึ้นในช่วงสั้น ๆ อาจทำให้หลายคนเข้าใจผิด การที่ราคาขึ้นเพียงไม่กี่วันไม่ได้หมายความว่า เป็นตลาดขาขึ้นที่แท้จริง เนื่องจากมันอาจจะเป็น Bull Trap ก็เป็นได้ ทำให้การสังเกตตลาดขาขึ้นที่แท้จริง อาจต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ นอกจากนี้การศึกษาข้อมูล และทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Fundamental ของโปรเจกต์ ก็จะช่วยคุณแยกแยะ Bull Trap ได้ดีขึ้นเช่นเดียวกัน
วิธีการสังเกต Bull Trap
การสังเกต Bull Trap เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการซื้อขายในโลกคริปโต เพื่อทำความเข้าใจ และหลีกเลี่ยงกับดักในตลาด คุณควรให้ความสำคัญกับสัญญาณเหล่านี้
1.การพุ่งขึ้นของราคาแบบทันที: การเพิ่มขึ้นของราคาที่รวดเร็วเป็นเรื่องที่พบได้บ่อยในโลกคริปโต อย่างไรก็ตาม การพุ่งขึ้นนี้มักมีสาเหตุ เช่น ข่าวดีเกี่ยวกับโปรเจกต์ หากคุณสังเกตว่า ราคาเพิ่มขึ้นมากโดยไม่มีข่าวสนับสนุนใดๆ ควรระมัดระวัง
2.เกิดการขายอย่างต่อเนื่อง: หากคุณเห็นการขายออกอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโต้กับการซื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นั่นอาจเป็นสัญญาณว่า มีบางสิ่งผิดปกติ การขายจำนวนมากไม่ได้แสดงถึงความมั่นใจ แต่กลับเป็นสัญญาณเตือนที่ควรระวัง
3.ปริมาณซื้อขายไม่สอดคล้องกับแนวโน้มราคา: หากปริมาณการซื้อขายของโปรเจกต์ไม่สอดคล้องกับแนวโน้มราคาที่เพิ่มขึ้น นั่นหมายความว่า อาจมีเพียงกลุ่มนักเทรดขนาดเล็กที่ผลักดันราคา ซึ่งไม่ได้สะท้อนถึงความสนใจจากตลาดโดยรวม
4.การไม่สามารถทะลุแนวต้านได้: หากการเพิ่มขึ้นของราคาไม่สามารถทะลุระดับแนวต้านปกติได้ คุณอาจกำลังเจอกับ Bull Trap
ทั้งนี้ ตลาดขาขึ้นที่แท้จริงมักจะผ่านแนวต้านไปได้อย่างง่ายดาย หากการทะลุแนวต้านดูน่าสงสัย ให้ถือว่า นั่นเป็นสัญญาณเตือน
นอกเหนือจากกลยุทธ์ที่กล่าวไปแล้ว วิธีที่ดีที่สุดในการเฝ้าระวัง Bull Trap คือ การติดตามข่าวสารและศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเหรียญที่คุณลงทุนอย่างต่อเนื่อง ควรอ่านข่าวรายวันและเข้าร่วมในชุมชนของเหรียญ เช่น บน Reddit, X หรือแพลตฟอร์มอื่นๆ การติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิดจะช่วยให้คุณคาดการณ์เหตุการณ์ต่างๆ ได้ก่อนที่ราคาจะร่วงลงอย่างรวดเร็ว
กลยุทธ์การซื้อขายเพื่อรับมือ Bull Trap
หากคุณคาดการณ์ว่า คุณอาจต้องเผชิญกับ Bull Trap การใช้กลยุทธ์การซื้อขายเหล่านี้ สามารถช่วยลดความเสียหายได้
1.วางแผนการลงทุนให้ชัดเจน : ตลาดคริปโตเต็มไปด้วยโอกาสมากมาย แต่บางครั้งคุณก็ต้องยอมรับว่า คุณไม่มีทางคว้าทุกโอกาสในตลาดได้หมดทุกอัน อย่า FOMO (กลัวตกรถ) เนื่องจาก อาการเหล่านี้จะทำให้คุณตัดสินใจด้วยอารมณ์ และมีโอกาสสูงที่จะนำคุณไปสู่การขาดทุนแบบไม่สมัครใจ ดังนั้นแผนการลงทุนที่ชัดเจน จะมีส่วนช่วยทำให้คุณหลีกเลี่ยงการโดน Bull Trap หลอกได้
2.ตั้ง Stop-Loss (คำสั่งหยุดขาดทุน) : สิ่งนี้จะช่วยให้คุณขายสินทรัพย์อัตโนมัติเมื่อราคาลดลงมาถึงจุดที่กำหนด หากคุณกังวลเกี่ยวกับ Bull Trap แต่ยังไม่อยากออกจากตลาด การตั้ง Stop-Loss จะช่วยจำกัดการขาดทุนได้ เช่น หากราคาของเหรียญพุ่งขึ้นถึง $8,000 และคุณซื้อไว้ แต่ไม่แน่ใจว่าราคาจะขึ้นหรือลงต่อไป คุณสามารถตั้ง Stop-Loss ที่ $7,950 เพื่อจำกัดการขาดทุนไว้เพียง $50 ในกรณีที่เกิด Bull Trap
สรุป
ตลาดคริปโตนั้นเต็มไปด้วยโอกาสมากมาย แต่มันก็ต้องแลกมากับความเสี่ยงที่มากขึ้นเช่นเดียวกัน ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนและความรู้เหล่านี้จะมีส่วนช่วยสำคัญให้นักลงทุนคริปโต ไม่ถูกหลอก และลดความเสี่ยงจากการลงทุนคริปโตได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ที่มา:cointelegraph