ศาลฎีกาของสหรัฐฯ มีคำสั่งให้ดำเนินคดีฟ้องร้องแบบกลุ่มต่อบริษัท Binance ต่อไป หลังจากปฏิเสธคำอุทธรณ์ของ Binance ที่อ้างว่า คดีนี้ไม่อยู่ในขอบเขตอำนาจศาลของสหรัฐฯ
คดีนี้ถูกฟ้องร้องโดยอดีตนักลงทุนที่กล่าวหาว่า Binance ได้เสนอขายโทเคนที่ไม่มีการจดทะเบียนอย่างถูกต้อง และไม่แจ้งเตือนความเสี่ยงในการลงทุนในคริปโตที่มีมูลค่าตลาดต่ำอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม Binance ยื่นอุทธรณ์ว่า กฎหมายหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ ไม่สามารถใช้กับบริษัทได้ เนื่องจากบริษัทไม่ได้ตั้งอยู่ในสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม ศาลฎีกา ปฏิเสธข้อโต้แย้งนี้ โดยเน้นย้ำว่า เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าทำให้นักลงทุนชาวอเมริกันสามารถเข้าถึงตลาดการเงินในต่างประเทศได้ง่ายขึ้น ซึ่งส่งผลให้มีนักลงทุนชาวอเมริกันเข้าร่วมในตลาดเหล่านี้เพิ่มมากขึ้น
Changpeng Zhao หรือ CZ อดีตซีอีโอของ Binance มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา แม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นซีอีโอของ Binance แล้ว แต่เขายังมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้
คดีฟ้องร้องนี้ ถือเป็น “คดีแพ่ง” ซึ่งแตกต่างจาก “คดีอาญา” ที่ Binance กำลังเผชิญอยู่ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายมองว่า คำตัดสินนี้อาจทำให้สถานะของ Binance ในคดีอื่น ๆ อ่อนแอลง เพราะแสดงให้เห็นว่าศาลสหรัฐฯ สามารถเอาผิดกับบริษัทคริปโตต่างชาติที่มีกิจกรรมส่งผลกระทบต่อนักลงทุนชาวอเมริกันได้
โดยเหตุการณ์นี้จะคล้ายกับคำตัดสินล่าสุดของศาลฎีกาสหรัฐฯ ที่อนุญาตให้ผู้ถือหุ้นฟ้อง Nvidia ได้ แสดงให้เห็นว่าศาลพร้อมพิจารณาคดีที่ซับซ้อนเกี่ยวกับการเงินและเทคโนโลยี ซึ่งทำให้โอกาสที่ Binance จะชนะคดีนี้ดูน้อยลง
นอกจากนี้ ผู้สังเกตการณ์ยังมองว่าโอกาสที่รัฐบาลชุดใหม่ รวมถึงประธานาธิบดีทรัมป์ จะช่วยเหลือ Binance ในคดีนี้มีน้อยมาก เพราะเป็นคดีทางแพ่งไม่ใช่คดีอาญา ส่งผลให้ Binance ต้องเผชิญกับแรงกดดันทางกฎหมายที่เพิ่มขึ้น และอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานและชื่อเสียงในตลาดคริปโตระดับโลก
- ที่มา:coinpaprika
- ที่มา:deccanherald