<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

CK Fastwork ไขความลับ! ทำไม DeepSeek ใช้พลังงานน้อยกว่า ChatGPT ถึง 96%

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ในโลกของ AI ที่กำลังแข่งขันกันดุเดือด Deepseek สตาร์ตอัป AI จากจีน กำลังสร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ที่อาจเปลี่ยนเกมของทั้งอุตสาหกรรม

โดยล่าสุด คุณ CK CEO ของ Fastwork ได้ออกมาพูดถึงข้อมูลที่น่าตกใจว่า Deepseek สามารถทำให้หุ้น NVIDIA ร่วงหนักถึง 16% ภายในวันเดียว คิดเป็นการสูญเสียมูลค่าตลาดเกือบ 6 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเทียบเท่ากับการทำให้ มูลค่าของทั้งบริษัท Netflix (4.1 แสนล้านดอลลาร์) หายไปในพริบตา

เบื้องหลังการทำงานของ DeepSeek

คุณ CK อธิบายว่า Deepseek ใช้วิธีพัฒนา AI ที่แตกต่างจากเจ้าอื่น โดยใช้แนวคิดที่เรียกว่า “Mixture-of-Expert” (MOE)

พูดง่ายๆ คือ แทนที่จะให้ AI ตัวเดียวต้องรู้ทุกเรื่อง Deepseek แยก AI ออกเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เช่น AI ตัวหนึ่งเก่งประวัติศาสตร์ อีกตัวเก่งเขียนโค้ด เวลามีคนถามอะไร ระบบจะเลือก AI ที่เหมาะสมที่สุดมาตอบ แทนที่จะใช้พลังงานประมวลผลสูงๆ กับ AI ตัวเดียวที่ต้องคิดทุกอย่างเอง

แนวทางนี้ช่วยให้ Deepseek ทำงานได้เร็วขึ้น ประหยัดพลังงานมากขึ้น และที่สำคัญ ใช้ทรัพยากรได้คุ้มค่ากว่า AI ทั่วไป

ที่มา:Marktechpost

นอกจากนี้ Deepseek ยังเปิดเผยโค้ดที่ใช้ในการพัฒนา AI หรือ “OpenSource” ทำให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงและตรวจสอบได้ด้วยตนเอง ซึ่งเป็นการดึงดูดให้ผู้ประกอบการหันมาใช้ Deepseek มากขึ้น เนื่องจากมีต้นทุนที่ถูกกว่าคู่แข่งอย่างมาก โดย Deepseek-R1 มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ $0.55 ในขณะที่ Open AI-o1 มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ $15 (per Million Tokens)

Deepseek ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า การพัฒนา AI ที่มีประสิทธิภาพไม่จำเป็นต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก โดย Deepseek ใช้เงินลงทุนไม่ถึง 6 ล้านดอลลาร์ และใช้ GPU ที่ด้อยกว่าคู่แข่ง แต่กลับสร้างโมเดล AI ที่มีประสิทธิภาพเทียบเท่า Open AI ได้สำเร็จ 

การเปิดตัว Deepseek จึงเป็นเหมือนการส่งสัญญาณเตือนไปยังบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ อาทิ  Nvidia, Google, Open AI และ Microsoft ว่า พวกเขาอาจใช้เงินในการพัฒนา AI ของตัวเองมากเกินไป

ที่มา:TikTok/CK Fastwork