สำนักงานอัยการพิเศษด้านการอภัยโทษในสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับปัญหาคำร้องค้างสะสมกว่า 10,000 ฉบับ ทำให้ผู้ที่ไม่มีเส้นสายทางการเมืองแทบไม่มีโอกาสได้รับการลดโทษเลย นักโทษคดีฉ้อโกงทางการเงินหลายราย รวมถึง Sam Bankman-Fried หรือเรียกสั้นๆ ว่า “SBF” อดีต CEO ของ FTX กำลังพยายามหาทางขออภัยโทษ โดยเฉพาะหลังจาก Donald Trump ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม ด้วยจำนวนคำร้องที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โอกาสที่ SBF จะได้รับการลดโทษยังคงริบหรี่ ตามที่ William Livolsi ผู้อำนวยการกลุ่ม White Collar Support Group กล่าว
เรื่องการขออภัยโทษได้รับความสนใจมากขึ้นหลังจาก Ross Ulbricht ได้รับการปล่อยตัว เมื่อวันที่ 22 มกราคม ประธานาธิบดี Trump ได้ทำตามคำสัญญาด้วยการอภัยโทษให้ Ulbricht ผู้ก่อตั้ง Silk Road แพลตฟอร์มตลาดมืดบน Darknet ซึ่งถูกตัดสินจำคุก 40 ปีและโทษจำคุกตลอดชีวิตอีก 2 กระทง สำหรับชุมชนผู้สนับสนุน Bitcoin พวกเขามองว่าการลงโทษ Ulbricht นั้นรุนแรงเกินไปและเป็นตัวอย่างของการใช้อำนาจรัฐเกินขอบเขต
หลังจากที่ Ulbricht ได้รับอิสรภาพ มีรายงานว่า พ่อแม่ของ SBF กำลังมองหาความเป็นไปได้ในการขออภัยโทษให้กับลูกชายของพวกเขา ซึ่งถูกตัดสินจำคุก 25 ปีจากการล่มสลายของอาณาจักรคริปโต FTX
William Livolsi ชี้ให้เห็นว่า การเปรียบเทียบระหว่าง Ulbricht และ SBF นั้นไม่สามารถทำได้โดยตรง แม้ว่าทั้งคู่จะเป็นบุคคลสำคัญในวงการคริปโต แต่คดีของพวกเขาและบทลงโทษที่ได้รับแตกต่างกันมาก นอกจากนี้ การอภัยโทษของ Ulbricht ยังเป็นส่วนหนึ่งของคำสัญญาทางการเมืองที่ Trump ให้ไว้กับกลุ่มผู้สนับสนุนของเขา
แม้ว่าจะมีกระบวนการขออภัยโทษอย่างเป็นทางการโดยเริ่มจากการยื่นคำร้องและสิ้นสุดที่การพิจารณาของประธานาธิบดี แต่ในความเป็นจริง กระบวนการนี้กลับซับซ้อนกว่าที่คิดมาก
Livolsi อธิบายว่า ปัจจุบันสำนักงานอัยการพิเศษด้านการอภัยโทษมีคำร้องค้างอยู่มากถึง 10,000 ฉบับ และสำนักงานแห่งนี้ถูกเพิกเฉยมาเป็นเวลานาน ผู้นำสหรัฐฯ มักใช้การอภัยโทษเพื่อประโยชน์ทางการเมือง หรือได้รับอิทธิพลจากแรงกดดันจากสื่อ มากกว่าที่จะพิจารณาตามความยุติธรรมของคดี
ปัญหานี้ทำให้สมาชิกกว่า 1,100 คนของ White Collar Support Group รู้สึกผิดหวังกับระบบปัจจุบัน Livolsi ชี้ว่า กระบวนการอภัยโทษไม่ได้ยึดตามหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนและยุติธรรมมานานแล้ว และดูเหมือนว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับว่าใครมีเส้นสายมากกว่ากัน
อีกหนึ่งอุปสรรคสำคัญที่นักโทษต้องเผชิญคือ ปัญหาการถูกตัดออกจากระบบการเงิน หลังจากที่ Ulbricht ได้รับการปล่อยตัว ‘แคมเปญ Free Ross’ ได้ระดมเงินบริจาคในรูปแบบ Bitcoin กว่า 270,000 ดอลลาร์ เพื่อช่วยให้เขาสามารถเริ่มต้นชีวิตใหม่ นอกจากนี้ ตัว Ulbricht เองยังมีความเชื่อมโยงกับ 430 BTC ตามข้อมูลของ Conor Grogan ผู้อำนวยการ Coinbase
แต่สำหรับนักโทษคนอื่น ๆ ที่ได้รับการปล่อยตัวแล้ว พวกเขามักไม่มีเงินทุนสำรองและต้องเผชิญกับปัญหาการถูกปิดบัญชีธนาคาร ถูกปฏิเสธบัตรเครดิต และถูกขึ้นบัญชีดำจากระบบการเงิน
อย่างไรก็ตาม ในกรณีของ SBF เส้นทางสู่การได้รับอภัยโทษยังคงดูเลือนลางเมื่อเทียบกับ Ulbricht และไม่มีสัญญาณว่าเขาจะได้รับความเมตตาทางกฎหมายในเร็ว ๆ นี้
ที่มา:cointelegraph