<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Mansa ฟินเทคสาย Stablecoin ที่ Tether หนุนหลัง ระดมทุน 10 ล้านดอลลาร์ ขยายตลาดโลก

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ Mansa บริษัทเทคโนโลยีทางการเงินที่มุ่งเน้นการชำระเงินข้ามพรมแดนด้วย Stablecoin ได้ปิดรอบการระดมทุนมูลค่า 10 ล้านดอลลาร์ 

ก่อนหน้านี้ Mansa เคยระดมทุนรอบ Pre-seed ได้ 3 ล้านดอลลาร์ โดยมี Tether ผู้ออก USDT เป็นผู้นำการลงทุน ร่วมกับ Polymorphic Capital รวมถึงนักลงทุนอื่น ๆ อย่าง Octerra Capital, Faculty Group และ Trive Digital 

นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับเงินทุนเพิ่มเติมอีก 7 ล้านดอลลาร์ จากนักลงทุนสถาบัน รวมถึงกองทุนเชิงปริมาณ (Quantitative Investment Funds) เพื่อนำไปใช้ในการขยายตลาดในละตินอเมริกาและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Mansa วางเป้าหมายเปลี่ยนแปลงการไหลเวียนของเงินตราในโลกของเงิน Fiat โดย Mouloukou Sanoh ผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO ของบริษัทกล่าวว่า การนำการชำระเงินเข้าสู่ On-chain พร้อมใช้โซลูชันสภาพคล่องที่มีประสิทธิภาพ จะช่วยแก้ปัญหาสำคัญของธุรกรรมข้ามพรมแดน ทำให้การชำระเงินมีความรวดเร็ว คุ้มค่า และเชื่อถือได้มากขึ้น

นับตั้งแต่เปิดตัวในเดือนสิงหาคม 2024 Mansa ได้ประมวลผลธุรกรรมบน On-chain ไปแล้วกว่า 27 ล้านดอลลาร์ และเฉพาะในเดือนมกราคม 2025 มีปริมาณธุรกรรมสูงถึง 11 ล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลจาก Dune 

นอกจากนี้ รายงานของ ARK Invest ระบุว่ามูลค่าการทำธุรกรรมผ่าน Stablecoin ในปี 2024 สูงถึง 15.6 ล้านล้านดอลลาร์ คิดเป็น 119% ของ Visa และ 200% ของ Mastercard ซึ่งเป็นผู้ให้บริการชำระเงินรายใหญ่ของโลก

Mansa ใช้ Stablecoin ในการทำธุรกรรมข้ามพรมแดนเพื่อลดระยะเวลาการชำระเงินและต้นทุนของธุรกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน เศรษฐกิจที่ต้องพึ่งพาการนำเข้า ซึ่งมักประสบปัญหาการขาดแคลนเงินดอลลาร์สหรัฐ

Sanoh กล่าวเสริมว่า Stablecoin เป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพในการเข้าถึงดอลลาร์ดิจิทัลโดยไม่ต้องพึ่งพาระบบการเงินแบบดั้งเดิม ทำให้ธุรกิจสามารถดำเนินการชำระเงินระหว่างประเทศได้อย่างราบรื่น ลดข้อจำกัดด้านสกุลเงินท้องถิ่น และควบคุมเงินทุนได้ดีขึ้น

ปัจจุบัน Stablecoin กำลังกลายเป็นทางเลือกที่ เร็วและถูกกว่าการโอนเงินผ่านธนาคารแบบเดิม โดยในปี 2024 ค่าธรรมเนียมการโอนเงินระหว่างประเทศผ่านธนาคารเฉลี่ยอยู่ที่ 7.34% ตามข้อมูลจาก Statista ในขณะที่ Stablecoin สามารถทำธุรกรรมได้เกือบทันทีและต้นทุนต่ำ ซึ่งเป็นเพียงเศษเสี้ยวของค่าธรรมเนียมในระบบการชำระเงินแบบเก่า

ที่มา: Cointelegraph