Charles Hoskinson ผู้ก่อตั้ง Cardano ได้ออกมาเผยแผน 3 ขั้นตอน เพื่อทำให้บล็อกเชนของ ADA สามารถต้านทานการโจมตีจากคอมพิวเตอร์ควอนตัมได้ ผ่านในไลฟ์สตรีมที่มีชื่อว่า “Post-Quantum Cardano”
Hoskinson ได้อธิบายถึงเส้นทางที่ Cardano ต้องดำเนินไป เพื่อปกป้องความปลอดภัยของระบบ ท่ามกลางการพัฒนาของเทคโนโลยีควอนตัมที่ก้าวกระโดดไปอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นความก้าวหน้าของ Microsoft และบริษัทเทคโนโลยีอื่น ๆ รวมถึงมาตรฐานใหม่ของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่เพิ่งประกาศ สำหรับการเข้ารหัสแบบต้านทานควอนตัม
Charles Hoskinson เริ่มต้นด้วยการเน้นย้ำว่า การพัฒนาคอมพิวเตอร์ควอนตัมกำลังก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วเกินคาด “ตอนนี้โลกของคอมพิวเตอร์ควอนตัมกำลังร้อนแรง มีอะไรน่าทึ่งเกิดขึ้นมากมาย ผมเชื่อว่า ในอีก 5-10 ปีข้างหน้า เราจะก้าวหน้าไปถึงจุดที่ต้องเริ่มคิดเกี่ยวกับการอัปเดต และปรับปรุงระบบเข้ารหัสของเรา”
หนึ่งในตัวแปรสำคัญที่ทำให้เรื่องนี้เร่งด่วนคือ มาตรฐานใหม่จากสถาบันมาตรฐานและเทคโนโลยีแห่งชาติของสหรัฐฯ (NIST) ซึ่งได้ประกาศมาตรฐานการเข้ารหัส หลังยุคควอนตัมในเดือนสิงหาคม 2024 ซึ่งรวมถึงมาตรฐาน FIPS 203, 204, 205 และ 206 ที่ออกแบบมา เพื่อต้านทานการโจมตีจากคอมพิวเตอร์ควอนตัม
Charles Hoskinson กล่าวว่า มาตรฐานเหล่านี้มีความสำคัญอย่างมากต่อวงการเข้ารหัสทั่วโลก และจะกระตุ้นให้ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ เริ่มผสานวงจรพิเศษ เพื่อรองรับอัลกอริธึมแบบใหม่
ปัจจุบันระบบความปลอดภัยของ Cardano มีลักษณะเช่นเดียวกับบล็อกเชนหลักอื่น ๆ ยังคงพึ่งพาเทคนิคการเข้ารหัสแบบ elliptic curve แต่ Charles Hoskinson เตือนว่าอัลกอริธึมของ Shor ที่สามารถรันบนคอมพิวเตอร์ควอนตัมขนาดใหญ่ อาจทำลายความปลอดภัยของระบบนี้ได้ในอนาคต
Charles Hoskinson กล่าวว่า “ปัญหาคือ เรามีอัลกอริธึมของ Shor หากคุณมีคอมพิวเตอร์ควอนตัม มันสามารถทำลายระบบความปลอดภัยของ elliptic curve ได้ง่าย ๆ หลายคนในวงการบล็อกเชนคิดว่า แค่เปลี่ยนไปใช้ลายเซ็นหลังยุคควอนตัมก็พอแล้ว แต่นั่นเป็นความเข้าใจที่ผิด”
Charles Hoskinson อธิบายว่า การสร้างความปลอดภัยในโลกหลังยุคควอนตัมไม่ได้หมายถึงแค่การเปลี่ยนแปลงลายเซ็นดิจิทัลเท่านั้น แต่ต้องสร้างโมเดลความปลอดภัยที่ครอบคลุม โดยพิจารณาถึงศัตรูที่อาจจะเผชิญในอนาคต เช่น การโจมตีทางฮาร์ดแวร์ การดักจับข้อมูล หรือแม้แต่การแฮ็กข้อมูลที่เก็บไว้ก่อนหน้านี้ด้วยพลังของคอมพิวเตอร์ควอนตัม
Charles Hoskinson ได้เสนอแผน 3 ขั้นตอนในการทำให้ Cardano กลายเป็นบล็อกเชนที่ทนทานต่อควอนตัมได้อย่างสมบูรณ์ในอนาคต ขั้นแรกคือ การพัฒนาโมเดลความปลอดภัยที่สามารถต้านทานการโจมตีจากคอมพิวเตอร์ควอนตัมได้อย่างสมบูรณ์ โดยต้องตรวจสอบอัลกอริธึมที่ใช้อยู่ในปัจจุบันทั้งหมดว่า มีจุดอ่อนหรือไม่ จากนั้นขั้นที่สองคือ การแยก Cardano ออกเป็น 2 เครือข่าย โดยสร้างเครือข่ายพิเศษที่เป็น “proof chain” ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นบันทึกตรวจสอบประวัติ ที่ไม่สามารถปลอมแปลงแก้ไขได้ เพื่อตรวจสอบประวัติของบล็อกเชนหลัก
ซึ่งในระยะยาว Proof Chain อาจถูกพัฒนาให้กลายเป็นระบบที่สามารถตั้งโปรแกรมได้ ทำให้ Cardano มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้นในยุคหลังควอนตัม
เทคโนโลยีที่ Charles Hoskinson เชื่อว่า สามารถนำมาใช้เป็นพื้นฐานของ Proof Chain นี้คือ Mithril ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ Cardano ใช้อยู่แล้วในการสร้างใบรับรองสถานะของเครือข่ายที่มีขนาดเล็ก แต่ให้ความปลอดภัยสูง หากมีการอัปเกรด Mithril ให้ใช้ระบบลงชื่อแบบหลังควอนตัม (Post-Quantum Signature) ซึ่งจะช่วยให้ Proof Chain สามารถทำงานควบคู่กับเครือข่ายหลักที่ยังคงใช้ระบบ elliptic curve cryptography ได้โดยไม่รบกวนประสิทธิภาพเดิมของเครือข่าย
นอกจากนี้ Charles Hoskinson ยังพูดถึงนวัตกรรมใหม่อย่าง Lattice Fold Plus ซึ่งเป็นเทคนิคการพับข้อมูลแบบกะทัดรัดที่ถูกพัฒนาโดยนักวิจัย Dan Boneh และ Binyu Chen ซึ่งสามารถนำมาใช้เป็นเครื่องมือสำคัญ ในการยืนยันความถูกต้องของข้อมูลแบบคริปโตกราฟิกบน Proof Chain ได้ เทคโนโลยีเหล่านี้อาจเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ Cardano สามารถรับมือกับภัยคุกคามจากคอมพิวเตอร์ควอนตัมได้ในอนาคต
สุดท้ายคือ การผสานเครือข่ายหลักและ proof chain เข้าด้วยกัน เมื่อเทคโนโลยีเข้ารหัส หลังยุคควอนตัมมีความก้าวหน้ามากพอ
การออกแบบระบบใหม่ครั้งใหญ่ของ Cardano อาจต้องพิจารณาปรับเปลี่ยนโมเดล extended UTXO และโครงสร้างของบัญชีแยกประเภท (ledger) เพื่อให้สามารถรองรับอัลกอริธึมหลังยุคควอนตัมได้อย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตาม Charles Hoskinson ตั้งข้อสังเกตว่า การเข้ารหัสแบบใหม่เหล่านี้จะทำให้การทำธุรกรรมช้าลงถึง 5-10 เท่า และลายเซ็นดิจิทัลจะใหญ่กว่าระบบปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม Charles Hoskinson เชื่อว่า เมื่อมาตรฐานของ NIST ได้รับการยอมรับ ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์จะเริ่มพัฒนาชิปพิเศษที่สามารถเร่งความเร็วให้กับอัลกอริธึมเหล่านี้ได้
สุดท้ายนี้ เขากล่าวว่า “Cardano ไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ทันตั้งตัว เรามีนักเข้ารหัสที่ดีที่สุดในโลกทำงานอยู่ที่ IOHK และทุกโปรโตคอลต้องได้รับการตรวจสอบอย่างเป็นระบบ”
ในขณะที่รายงาน ADA มีราคาซื้อขายอยู่ที่ 0.7471 ดอลลาร์ ลดลง 3.59% ภายใน 24 ชั่วโมง อ้างอิงข้อมูลจาก coinmarketcap
ที่มา : bitcoinist