Solana ตัดสินใจลบโฆษณาตัวใหม่ที่มีชื่อว่า “America is Back—Time to Accelerate” ที่มียอดวิวสูงถึง 1.4 ล้านครั้งออกไปอย่างรวดเร็ว หลังเจอกระแสตีกลับจากชุมชนคริปโตบนแพลตฟอร์ม X
โฆษณาตัวนี้ ถูกปล่อยออกมาเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ก่อนเที่ยงตามเวลาในนิวยอร์ก และได้รับความสนใจอย่างรวดเร็วด้วยยอดวิวที่พุ่งสูงกว่า 1.4 ล้านครั้ง ภายในช่วงเย็นของวันดังกล่าว แต่สิ่งที่ตามมาไม่ใช่คำชมเชย แต่เป็นเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง โดยชุมชนคริปโตต่างติดแท็กโพสต์ดังกล่าวว่า “ไม่เหมาะสม” “น่าขยะแขยง” และ “สร้างความแตกแยก”
ประเด็นที่ทำให้เกิดความไม่พอใจคือ เนื้อหาของโฆษณาที่มีธีมเกี่ยวกับความรักชาติและข้อความทางการเมืองแฝงอยู่ โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความหลากหลายทางเพศ
ฉากที่จุดชนวนความขัดแย้งคือ ฉากที่ชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งดูเหมือนกำลังเข้ารับการบำบัดกับนักจิตวิทยา โดยเขาพูดประโยคที่ว่า “ผมอยากคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ ไม่ใช่คิดค้นเพศสภาพใหม่”
จนถึงขณะนี้ Solana ยังไม่ได้ออกแถลงการณ์ใดๆ เกี่ยวกับการลบโฆษณาดังกล่าว แม้ว่าวิดีโอจะถูกลบไปแล้ว แต่คลิปต้นฉบับก็ได้ถูกคัดลอกและถูกแชร์ต่อโดยผู้ใช้หลายคนบนแพลตฟอร์ม X
Tyler Bench ผู้บริหารระดับสูงในวงการคริปโตจาก Tally.xyz กล่าวว่า “นี่อาจเป็นคอนเทนต์ที่ Toxic ที่สุด เท่าที่ผมเคยเห็นมา มันเหมือนโฆษณาของ Coinbase แต่ถูกสร้างโดยพวกคนที่ถูกขังอยู่ในห้องใต้ดินมาเป็นเวลาหลายปี”
โฆษณาดังกล่าวสะท้อนถึงความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในวงการคริปโตเกี่ยวกับการสื่อสารทางการเมือง นักวิจารณ์หลายคนมองว่า โฆษณานี้ขัดกับค่านิยมพื้นฐานของอุตสาหกรรมคริปโตที่ควรเป็นกลางและครอบคลุมทุกคนทั่วโลก
Anneri van der Merwe หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ Base วิพากษ์วิจารณ์โฆษณานี้ว่ามันไม่เข้าท่าเลย เขาบอกว่า ‘โฆษณานี้มันไม่เหมาะสม น่าขยะแขยง และยังดูเหมือนพยายามเอาใจคนแค่บางกลุ่มอีกด้วย Base ถูกสร้างมาเพื่อทุกคน ส่วน Solana ก็เพิ่งเอาคำว่า ‘เพื่อทุกคน’ ไปใช้เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว แต่โฆษณานี่มันแสดงให้เห็นเลยว่าพวกเขายังต้องเรียนรู้อีกเยอะกว่าจะเข้าใจความหมายของคำนั้นจริงๆ”
นักวิเคราะห์และผู้มีชื่อเสียงในวงการคริปโตหลายคนก็แสดงความผิดหวังเช่นกัน Adam Cochran หุ้นส่วนของ Cinneamhain Ventures ได้ให้ความเห็นว่า “ไวรัสทางความคิดที่ถูกแพร่กระจายในประเทศนี้ คือการที่คนใน Sillicon Valley เชื่อว่าพวกเขาถูกกดขี่ และคิดว่าสิ่งนี้มันเท่หรือทันสมัย”
โฆษณาของ Solana ครั้งนี้กลายเป็นประเด็นร้อนที่ทำให้เห็นว่า การสื่อสารทางการเมืองในวงการคริปโตอาจสร้างความแตกแยกได้ หากไม่คำนึงถึงความหลากหลายและค่านิยมของชุมชน
ที่มา:decrypt