Mastercard กำลังพัฒนาระบบบล็อกเชนตัวใหม่ชื่อว่า “Multi-Token Network” เพื่อเชื่อมโลกการเงินแบบดั้งเดิม (TradFi) เข้ากับโลกคริปโตที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว เพื่อให้สถาบันการเงินดั้งเดิมสามารถเข้าถึงและทำธุรกรรมกับสินทรัพย์ดิจิทัลได้ง่ายขึ้น
Raj Dhamodharan รองประธานบริหารฝ่ายบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัลของ Mastercard เป็นหัวเรือใหญ่ในการขับเคลื่อนโปรเจกต์นี้ โดยมีเป้าหมายหลักคือการสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ราบรื่นและถูกต้องตามกฎหมาย คล้ายกับการใช้แอปพลิเคชันโอนเงินยอดนิยมอย่าง Venmo หรือ Zelle นั่นเอง
Mastercard กำลังวางตำแหน่งตัวเองเป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานหลักในระบบบล็อกเชนที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยการผสานเครือข่ายการชำระเงินขนาดใหญ่ของตัวเองเข้ากับเทคโนโลยี บล็อกเชน พวกเขาต้องการที่จะทำให้การทำธุรกรรมระหว่างตลาดเงินเฟียตและคริปโตเป็นไปอย่างราบรื่น
Dhamodharan เน้นย้ำว่า สถาบันการเงินต่างๆ ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจในเทคโนโลยีบล็อกเชนมากขึ้น เพราะพวกเขามองเห็นศักยภาพในการสร้างรูปแบบธุรกิจใหม่
Mastercard ได้จับมือเป็นพันธมิตรกับยักษ์ใหญ่อย่าง JPMorgan และ Standard Chartered เพื่อพัฒนาระบบการชำระเงินข้ามพรมแดนที่รวดเร็วและปลอดภัย รวมถึงการแปลงเงินฝากเป็นโทเคนดิจิทัล และการซื้อขายคาร์บอนเครดิต
นอกจากนี้ Mastercard ยังได้เปิดตัวโครงการบัตรเครดิตที่เกี่ยวข้องกับคริปโตกว่า 100 โครงการทั่วโลก เพื่อให้ผู้ถือบัตรกว่า 3.5 พันล้านคนสามารถเข้าถึงและทำธุรกรรมกับ Bitcoin และสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ ได้อย่างสะดวกสบาย
นับตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา Mastercard ยื่นจดสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับบล็อกเชนไปแล้วกว่า 250 รายการ และยังให้การสนับสนุนสตาร์ทอัพในวงการนี้อีก 43 ราย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการผลักดันเทคโนโลยีบล็อกเชน
Dhamodharan เชื่อมั่นว่า Mastercard อยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบในการคว้าโอกาสนี้ โดยใช้ขนาดของบริษัทในการผลักดันให้บล็อกเชนได้รับการยอมรับในวงกว้าง
- ที่มาข่าว:cryptonews
- ที่มาภาพ:cryptoslate