คดีภาษีมูลค่า 81,000 ล้านดอลลาร์ของ Binance ในไนจีเรีย ถูกเลื่อนออกไปเป็นวันที่ 30 เมษายน หลังสำนักงานสรรพากรไนจีเรีย (FIRS) หรือหน่วยงานภาษีของประเทศ ขอเวลาเพิ่ม เพื่อตอบโต้เอกสารชี้แจงของ Binance
เรื่องราวทั้งหมด เริ่มจากกรมสรรพากรของไนจีเรีย (FIRS) กล่าวหาว่า Binance หลบเลี่ยงภาษี โดยระบุว่า Binance ควรจ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคลในปี 2022 และ 2023 รวมถึงเรียกร้องค่าเสียหายจาก Binance เพิ่มอีก 79.5 พันล้านดอลลาร์ เพราะกิจกรรมของ Binance ทำให้เศรษฐกิจของประเทศเสียหาย อีกทั้งยังขอปรับดอกเบี้ยย้อนหลัง 10% ต่อปี
ทางด้านเว็บเทรด Binance ได้ออกมาโต้กลับทันที โดยระบุว่า ข้อกล่าวหานั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะบริษัท Binance ไม่มีสำนักงานในประเทศไนจีเรีย แต่จดทะเบียนอยู่ในหมู่เกาะเคย์แมน ดังนั้นการส่งเอกสารทางกฎหมายผ่านอีเมลจะต้องได้รับอนุญาตจากศาลก่อนเท่านั้น
ทีมกฎหมายของ Binance จึงยื่นคำร้องขอเลื่อนการพิจารณาคดี ซึ่งศาลก็เห็นพ้องด้วย และตัดสินใจเลื่อนคดีออกไป เพื่อเปิดโอกาสให้สำนักงานสรรพากรไนจีเรีย (FIRS) เตรียมคำชี้แจงเพิ่มเติมให้พร้อมก่อนดำเนินการต่อ
แต่อย่างไรก็ตาม ประเด็นนี้ไม่ได้จบแค่เรื่องการแจ้งข้อกล่าวหาเพียงอย่างเดียว เพราะเบื้องหลังยังสะท้อนถึงท่าทีการปราบปรามวงการคริปโตอย่างจริงจังของรัฐบาลไนจีเรีย
โดยก่อนหน้านี้ในปี 2024 ทางการได้ควบคุมตัวผู้บริหารของ Binance จำนวน 2 ราย ระหว่างการสอบสวน กรณีการซื้อขายคริปโตที่เชื่อมโยงกับค่าเงินไนรา ซึ่งรัฐบาลมองว่า การเทรดคริปโตในลักษณะนี้ เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ค่าเงินอ่อนตัวลง และยังเปิดช่องให้เงินทุนไหลออกนอกประเทศ จนกลายเป็นความกังวลทางเศรษฐกิจในระดับชาติ
นอกจากนี้ ธนาคารกลางของไนจีเรียยังออกมาเปิดเผยเมื่อต้นปีว่า มีเงินทุนมากกว่า 26,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่ไหลผ่านแพลตฟอร์ม Binance จากผู้ใช้งานที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้อย่างชัดเจน ซึ่งไม่สามารถตรวจสอบแหล่งที่มาได้อย่างโปร่งใส ส่งผลให้รัฐบาลต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน โดยมีการยื่นคำร้องขอข้อมูลธุรกรรมของผู้ใช้งานชาวไนจีเรียระดับท็อป 100 ราย พร้อมกับสั่งอายัดการเข้าถึงเว็บไซต์ของ Binance ในประเทศ จนนำไปสู่การหยุดให้บริการซื้อขายแบบ P2P (peer-to-peer) ภายในไนจีเรียอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
วันที่ 30 เมษายนนี้ ถูกจับตามองในฐานะหมุดหมายสำคัญของคดีนี้ เพราะไม่ได้เป็นแค่การไต่สวนเรื่องภาษีเพียงอย่างเดียว แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงความขัดแย้งที่กำลังปะทุระหว่างเทคโนโลยีทางการเงินสมัยใหม่อย่างคริปโต กับกรอบกฎหมายของประเทศที่กำลังพัฒนาอย่างไนจีเรีย
แม้ยังไม่ได้ออกใบอนุญาตให้กับเว็บเทรด Binance อย่างเป็นทางการ แต่ประชาชนกลับหันมาใช้แพลตฟอร์มเทรดเหรียญคริปโตและ stablecoin กันอย่างแพร่หลายจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันไปแล้ว
ที่มา : coinpedia