Crypto.com หนึ่งในแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำ เพิ่งได้รับใบอนุญาติจากหน่วยงานกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัล VARA ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE)โดยประกาศจับมือกับ Emarat บริษัทปั๊มน้ำมันรายใหญ่ที่มีสาขากว่า 155 แห่งทั่วประเทศ เตรียมเปิดให้บริการชำระค่าน้ำมันด้วยสกุลเงินดิจิทัลได้แล้ว
ตามประกาศบนโพสต์ LinkedIn ของ Crypto.com การขยายบริการนี้ ยังต้องรอการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง และดูจากความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก แต่การเริ่มต้นให้บริการในปั๊มน้ำมันบางแห่งถือเป็นก้าวสำคัญอย่างยิ่งในการผลักดันให้คริปโทฯ ให้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของผู้คนในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE)
Mohammed al Hakim ประธานของ Crypto.com UAE กล่าวด้วยความตื่นเต้นว่า “เป้าหมายสำคัญของเราคือ การทำให้คริปโทฯ สามารถใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน และ UAE ก็เป็นผู้นำในตลาดนี้ เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ Emarat ซึ่งเป็นแบรนด์น้ำมันอันดับหนึ่งของภูมิภาค และให้บริการลูกค้าหลายหมื่นคนต่อวัน เพื่อร่วมกันก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของสินทรัพย์ดิจิทัล”
ในแถลงการณ์ยังระบุอีกว่า Emarat เองก็หวังที่จะปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ดูทันสมัยมากยิ่งขึ้น และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่คุ้นเคยกับเทคโนโลยี โดยจะเริ่มนำร่องให้บริการรับชำระด้วยคริปโทฯ ในปั๊ม Emarat จำนวน 10 สาขาก่อน จากนั้นจึงค่อย ๆ ขยายไปยังสาขาอื่น ๆ ทั่วประเทศ
ที่น่าสนใจไปกว่านั้น Crypto.com และ Emarat ยังเตรียมที่จะเปิดตัวสถานีบริการน้ำมันภายใต้ชื่อใหม่ว่า “Crypto.com Emarat Service Station” ซึ่งจะเป็นสถานีแรกของโลกที่ได้รับสิทธิ์ตั้งชื่อจากการร่วมมือกันระหว่างแบรนด์น้ำมันและแพลตฟอร์มคริปโทฯ โดยสถานีต้นแบบจะตั้งอยู่ที่สาขา Al Ameen บนถนน Al Wasl ซึ่งจะถูกตกแต่งและให้บริการภายใต้แบรนด์ Crypto.com อย่างเต็มรูปแบบ
ด้าน Ali Bin Zayed Al Falasi ผู้บริหารฝ่ายการตลาดของ Emarat เสริมว่า “ที่ Emarat เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านนวัตกรรมและประสบการณ์ของลูกค้า ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นการเปิดประตูสู่ยุคใหม่ของความสะดวกสบาย และตอกย้ำวิสัยทัศน์ของเราในฐานะแบรนด์ที่มองการณ์ไกลไปในอนาคต เรากำลังเชื่อมโยงโลกของพลังงานเข้ากับระบบการเงินรูปแบบใหม่อย่างลงตัว”
ในช่วงหลังมานี้ ตลาดเริ่มเห็นธุรกิจค้าปลีกใน UAE หันมาร่วมมือกับผู้ให้บริการคริปโทฯ ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลมากขึ้น เพื่อเปิดรับการชำระเงินด้วย Stablecoin รวมถึงเชื่อมโยงกับระบบธนาคารของประเทศให้ดียิ่งขึ้น และสร้างโอกาสในการลงทุนที่หลากหลายขึ้น
ที่มา:cryptopolitan