ล่าสุดสื่อข่าวอย่างไม่เป็นทางการรายงานว่า รัฐบาลจีนได้ออกประกาศมาตรการใหม่ต่อชุมชนคริปโทฯ ซึ่งครั้งนี้ไม่เพียงแต่ห้ามซื้อขายและขุดเหมือนกับที่ผ่านมา แต่ยังรวมถึงการ “ถือครอง” คริปโทส่วนบุคคล เช่น Bitcoin ซึ่งนับเป็นมาตรการควบคุมที่เข้มงวดที่สุดในรอบหลายปี
สาเหตุสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการตัดสินใจนี้คือความต้องการควบคุมระบบการเงินภายในประเทศอย่างเบ็ดเสร็จของรัฐบาลจีน โดยเฉพาะในช่วงที่จีนกำลังผลักดันการใช้งาน “หยวนดิจิทัล” หรือ CBDC ที่ออกโดยธนาคารกลาง ซึ่งรัฐบาลต้องการให้เป็นสกุลเงินดิจิทัลหลักเพียงหนึ่งเดียว โดยมองว่า Bitcoin และคริปโทอื่น ๆ คือคู่แข่งที่อาจกระทบต่ออำนาจควบคุม
ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังมีรายงานว่ารัฐบาลจีนได้ขาย Bitcoin ที่ยึดมาได้บางส่วน แม้จะมีการเทขาย แต่จีนยังถือครอง Bitcoin อยู่มากถึง 194,000 BTC คิดเป็นมูลค่าราว 2.06 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 0.924% ของจำนวน Bitcoin ที่หมุนเวียนในระบบ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความชัดเจนว่าการแบนครั้งนี้จะครอบคลุมการถือครองของหน่วยงานรัฐเองด้วยหรือไม่
ตลาดคริปโทฯ ตอบสนองต่อข่าวนี้ด้วยความตื่นตระหนก โดย Bitcoin ร่วงลงถึง $103,752 บนเว็บเทรด Binance ก่อนจะเริ่มดีดกลับมาอยู่ที่ราว $104,541 ในเวลาต่อมา เหรียญอื่น ๆ อย่าง Cardano ก็ร่วงลงเช่นกัน โดยในกลุ่ม Top 10 Altcoins มีการลดลงเฉลี่ยประมาณ -5.5% ในช่วง 24 ชั่วโมงหลังข่าวถูกเผยแพร่ นอกจากนี้ยังเกิดการล้างสัญญา Futures (liquidation) มูลค่าหลายร้อยล้านดอลลาร์ หนึ่งในนั้นคือเจ้ามือ James Wynn ที่ถูกบังคับปิด Poistion BTC จำนวน 949 BTC ล้างสัญญามูลค่ากว่า $99.3 ล้าน


ถึงแม้รัฐบาลจีนจะเข้มงวดมากขึ้น แต่ในหมู่ชุมชนคริปโทกลับมองว่านี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ และไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถหยุดยั้งการเติบโตของอุตสาหกรรมนี้ได้ พวกเขามองว่ามาตรการแบบนี้ยิ่งผลักดันให้เกิดการกระจายอำนาจไปยังประเทศอื่นในเอเชียที่มีนโยบายเปิดกว้างมากกว่า เช่น ญี่ปุ่น สิงคโปร์ หรือฮ่องกง
ในอดีต จีนเคยแสดงจุดยืนต่อต้านคริปโทอย่างชัดเจนมาแล้วหลายครั้ง เช่นในปี 2017 ที่มีการแบน ICO และการซื้อขายเหรียญดิจิทัล ส่งผลให้ Bitcoin ร่วงถึง 40% ในชั่วข้ามคืน แต่ไม่กี่เดือนต่อมาก็สามารถทำจุดสูงสุดใหม่ได้อีกครั้ง และในปี 2021 การแบนการขุด Bitcoin ก็ทำให้ราคาและอัตรา Hashrate ร่วงแรง แต่ตลาดก็ฟื้นตัวและไปถึงจุดสูงสุดประวัติการณ์ในเดือนพฤศจิกายนปีเดียวกัน
ที่มา : coinpaper

