<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ส่องงบ Bitkub Vs. BinanceTH ! รายได้ปี 2567 กระดานเทรดคริปโทฯ ไทยใครแข็งกว่า ? 

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ในขณะที่กระแสคริปโตในประเทศไทยเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้งหลัง Bitcoin ยืนเหนือ $105,000 ได้อย่างมั่นคง ตลาดซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศก็กลับมาคึกคักไม่แพ้กัน โดยเฉพาะการขับเคี่ยวกันระหว่างสองแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ ได้แก่ Bitkub เจ้าตลาดในประเทศที่ดำเนินการมายาวนาน กับ Binance TH ผู้ท้าชิงจากต่างประเทศที่เพิ่งเปิดตัวแต่เติบโตอย่างรวดเร็วในเวลาอันสั้น วันนี้เราจะพาไปส่องตัวเลขรายได้และกำไรสุทธิของทั้งสองเจ้าในปี 2567 พร้อมวิเคราะห์ว่าใครกำลังแข็งแกร่งกว่าในสมรภูมิเทรดคริปโตไทย

เริ่มกันที่ Bitkub Online หรือ Bitkub กระดานเทรดเบอร์หนึ่งของไทย ที่สามารถทำรายได้รวมในปี 2567 ได้ถึง 1,987.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 79% จากปีก่อนหน้า และมีกำไรสุทธิสูงถึง 501.9 ล้านบาท   ซึ่งเติบโตจากปีก่อนหน้า 207.23 % โดยปี 2566 มีกำไรอยู่ที่ 137 ล้านบาท  ตามข้อมูลจากเว็บไซต์ Bitkub 

ทางฝั่ง Binance TH ที่เพิ่งเปิดให้บริการในปี 2566 ก็ทำผลงานได้น่าจับตาเช่นกัน โดยในปี 2567 นี้มีรายได้รวมอยู่ที่ 184.8 ล้านบาท และที่สำคัญคือสามารถพลิกกลับมามีกำไรสุทธิได้เป็นครั้งแรกที่ 7.5 ล้านบาท ตามข้อมูลจากเว็บไซต์ data.creden

แม้ในแง่ของรายได้และกำไร Binance TH ยังห่างจาก Bitkub อยู่มาก แต่หากดูในเชิงปริมาณผู้ใช้งานและมูลค่าการซื้อขาย Binance TH กลับทำผลงานได้โดดเด่นไม่แพ้กัน โดยในปีที่ผ่านมา จำนวนผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นถึง 6–10 เท่า และมูลค่าการซื้อขายรวมก็เติบโตมากกว่า 30 เท่า ขณะที่ตัวแพลตฟอร์มก็มีเหรียญให้เทรดมากกว่า 350 รายการ ครอบคลุมทั้งเหรียญหลัก เหรียญมีม และโทเค็นเกิดใหม่ในกระแส

Bitkub แม้จะไม่มีตัวเลขผู้ใช้เติบโตหวือหวาเท่าผู้ท้าชิงรายใหม่ แต่ก็ยังมีจุดแข็งที่ชัดเจนในเรื่องความน่าเชื่อถือ การควบคุมภายในประเทศ และโครงสร้างพื้นฐานที่พัฒนาเองอย่าง Bitkub Chain ซึ่งรองรับการทำธุรกรรมได้สูงถึง 5,000 รายการต่อวินาที รวมถึงมีระบบนิเวศของนักพัฒนาที่เข้ามาสร้างโปรเจกต์บนเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง

ซึ่งเมื่อเทียบกันในภาพรวม Bitkub ยังคงได้เปรียบในแง่ของรายได้และความเสถียรทางธุรกิจ ขณะที่ Binance TH ก็เริ่มขยับฐานตัวเองได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกลุ่มนักเทรดรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับค่าธรรมเนียมต่ำและตัวเลือกเหรียญที่หลากหลาย

อย่างไรก็ตาม บทสรุปว่าใครจะสามารถครองส่วนแบ่งตลาดและทำรายได้สูงสุดในปีต่อๆ ไป คงต้องรอติดตามรายงานผลประกอบการอย่างเป็นทางการของทั้งสองที่จะเปิดเผยในอนาคตอันใกล้นี้