เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2025 หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายอาชญากรรมทางการเงิน (FinCEN) ซึ่งอยู่ภายใต้กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้ประกาศใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดต่อ Huione Group กลุ่มบริษัทการเงินขนาดใหญ่ในกัมพูชา โดยระบุว่าเป็น “แหล่งที่มีความเสี่ยงสูงต่อการฟอกเงิน”
หน่วยงาน FinCEN ระบุว่า ภายใต้กฎหมาย USA PATRIOT Act มาตรา 311 มีผลให้ บริษัท Huione Group ถูกตัดขาดจากระบบการเงินของสหรัฐฯ และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป
สิ่งที่น่าตกใจคือ Huione Group มีความเชื่อมโยงใกล้ชิดกับบุคคลระดับสูงของกัมพูชา โดยหนึ่งในผู้บริหารคนสำคัญคือ “ฮุน โต” ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาคนปัจจุบัน และเป็นหลานชายของ สมเด็จฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรี โดย ฮุน โต ดำรงตำแหน่งกรรมการของ Huione Pay ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Huione Group
ตามรายงานระบุว่า บริษัทในเครือของ Huione Group อาทิ Huione Pay, Huione Crypto และ Huione Guarantee ได้ดำเนินกิจการโดยไม่มีการปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านการป้องกันการฟอกเงิน (AML) หรือ กระบวนการตรวจสอบยืนยันตัวตนลูกค้า (KYC) ที่มีประสิทธิภาพ ทั้งๆ ที่มีการทำธุรกรรมข้ามพรมแดนจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นการเปิดช่องให้กับการฟอกเงิน
FinCEN ได้ระบุอย่างชัดเจนว่า Huione Group มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินผิดกฎหมายไปแล้วอย่างน้อย 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงปี 2021-2025 โดยเงินจำนวนมหาศาลนี้ เชื่อมโยงกับกิจกรรมอาชญากรรมไซเบอร์ครั้งใหญ่ที่ดำเนินการโดย Lazarus Group กลุ่มแฮกเกอร์ชื่อดังจากเกาหลีเหนือ รวมถึงกิจกรรมของเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติที่กระจายตัวอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
การบังคับใช้กฎหมายครั้งสำคัญของหน่วยงาน FinCEN ต่อ Huione Group ได้ก่อให้เกิดคำถามสำคัญเกี่ยวกับอนาคตของระบบการเงินในโลกคริปโทเคอร์เรนซี และมาตรการด้านกฎระเบียบที่แต่ละประเทศจะต้องเตรียมไว้เพื่อป้องกันการใช้เทคโนโลยีและแพลตฟอร์มทางการเงินในทางที่ผิด
แม้ว่า Huione Group จะถูกเปิดโปงและถูกจำกัดการเข้าถึงระบบการเงินระดับโลกของสหรัฐฯ ไปแล้ว แต่ก็ยังคงมีอีกหลายช่องทางที่ยังคงเปิดดำเนินการอยู่ ซึ่งยังคงถือเป็นภัยคุกคามในโลกการเงินที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดต่อไป
- ที่มาข่าว:chainanalysis
- ที่มาภาพ:DLnews