<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Bitcoin ควรขายทำกำไรตอนไหนดี ? และทำไมคนที่ขาย Bitcoin ตอน $100 ถึงไม่ใช่ “คนโง่” 

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

โพสต์หนึ่งใน Reddit ได้กลายเป็นประเด็นร้อนในหมู่นักลงทุนคริปโต หลังจุดประเด็นคำถามสุดคลาสสิกว่า “จะขายทำกำไรตอนไหนดี?” โดยเฉพาะกรณีของคนที่เคยซื้อ Bitcoin ตั้งแต่ราคาหลักหน่วย และตัดสินใจขายตอน 100 ดอลลาร์ ซึ่งหลายคนมองว่า เป็นการทำ “พลาดครั้งใหญ่” แต่ในโพสต์นี้กลับมองว่า เขาอาจจะทำถูกแล้วก็ได้

ใจความหลักของโพสต์นี้เรียบง่ายแต่แทงใจดำ แม้ว่า วันนี้จะมีคนบนโลกอินเทอร์เน็ตพูดว่า คนที่ขาย Bitcoin ตอน 100 ดอลลาร์ คือคนไม่เข้าใจอนาคต แต่ในความจริงแล้ว “คนส่วนใหญ่” ที่เคยซื้อ Bitcoin ตอนต้นทาง ก็คงขาย Bitcoin ไปนานแล้ว ก่อนราคา Bitcoin จะพุ่งขึ้นมาถึงหมื่นดอลลาร์ และนั่นก็เป็นเรื่องที่ “ถูกต้อง” ตามหลักของการบริหารความเสี่ยงในการลงทุน

ซึ่งในคอมเมนต์หนึ่ง มีคนกล่าวไว้ว่า “ถ้าการลงทุนของคุณโต 500 เท่า คุณยังจะไม่ขายอีกเหรอ?” 

สมมุติคุณซื้อ Bitcoin ที่ราคา 1 ดอลลาร์ แล้วราคามันเพิ่มขึ้นไป 100 ดอลลาร์ เท่ากับได้กำไร 10,000% แบบนั้นการขายทำกำไรไม่ใช่เรื่องของ ‘มือไม่ถึง’ แต่คือ ‘การบริหารความเสี่ยงที่ฉลาด’ และไม่มีอะไรการันตีเลยว่า ราคา Bitcoin จะพุ่งขึ้นไป 60,000 ดอลลาร์ อย่างที่เห็นในวันนี้

อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ เรื่อง “มูลค่าทรัพย์สินรวม” ของแต่ละคน เพราะสิ่งนี้มีผลต่อการตัดสินใจอย่างมาก 

ตัวอย่างเช่น นักศึกษาที่มีเงินเริ่มต้น 500 ดอลลาร์ แล้วได้กำไรจนเงินกลายเป็น 10,000 ดอลลาร์ นั่นคือโอกาสในการซื้อรถดี ๆ ได้คันนึง การปลดหนี้ หรือการเอาเงินไปดาวน์บ้านได้ ในขณะที่นักลงทุนที่มีสินทรัพย์เป็นร้อยล้าน อาจจะรู้สึกว่า นั่นอาจจะเป็นแค่เศษเงินเล็กๆน้อยๆ เท่านั้น

แต่แน่นอนว่า ไม่ใช่ทุกคนที่เห็นด้วยกับแนวคิด “ควรขาย”  ซึ่งยังมีอีกหลายคนในกระทู้ที่อ้างว่า ได้ถือครอง Bitcoin ยาว ๆ มาตลอด ได้กำไร 300x แล้วก็ยังไม่ขาย เพราะเชื่อว่า Bitcoin ไม่ใช่แค่สินทรัพย์เก็งกำไร แต่เป็น ‘โอกาสครั้งหนึ่งในชีวิต’ ที่จะได้เปลี่ยนโลกการเงินแบบดั้งเดิม

อย่างไรก็ตาม แม้แต่นักลงทุนที่เน้น “การถือครองเหรียญในระยะยาว” (Hodler) ก็ยังคงเผชิญกับปัญหาในโลกความเป็นจริง เช่น กรณีที่นักลงทุนรายหนึ่ง กล่าวว่า “ฉันยังถือ Bitcoin อยู่นะ เพราะไม่รู้จะขายยังไง” สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่า แม้จะมีแนวคิดแบบการลงทุนระยะยาว แต่การนำไปปฏิบัติจริง ยังต้องอาศัยความรู้อยู่มาก

นอกจากนี้ ยังมีผู้คนออกมาเล่าประสบการณ์สุดเจ็บปวด เช่น กรณีที่พวกเขาประสบปัญหา Exchange ล้ม (เช่น Voyager) ทำให้เงินที่เคยมีอยู่ หลักแสนบาทหายไป เหลือเงินเพียงหลักพันบาท ภายในสัปดาห์เดียว ซึ่งสิ่งเหล่านี้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า “กำไรที่ยังไม่ได้ขาย ก็ยังไม่ใช่กำไรจริง” และความเสี่ยงในโลกของคริปโตเคอร์เรนซีนั้นมีอยู่ตลอดเวลา

หลายความคิดเห็นได้เสนอแนวทางสายกลาง อย่างเช่น การใช้ระบบ “Time-lock” ซึ่งจะค่อย ๆ ทยอยปล่อย Bitcoin ออกมาขายเป็นก้อน ๆ ในแต่ละปี แทนที่จะเป็นการเทขายทั้งหมดในคราวเดียว วิธีนี้จะช่วยรักษาสมดุล ระหว่างเป้าหมายการถือครองระยะยาว กับความจำเป็นในการเก็บเกี่ยวผลกำไรบางส่วน

บทสรุปสำคัญจากเรื่องราวเหล่านี้ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เรื่องคริปโตเคอร์เรนซีเท่านั้น แต่คือ แก่นแท้ของการตัดสินใจลงทุน ทุกคนจำเป็นต้องตัดสินใจจาก ข้อมูลที่มีอยู่ ณ ปัจจุบัน ในตอนนั้น ไม่ใช่การมองย้อนกลับไปในอดีต หากคุณตัดสินใจขาย Bitcoin ที่ราคา 100 ดอลลาร์ เพราะมองว่า มีความเสี่ยงสูงเกินไป นั่นไม่ใช่ความล้มเหลว แต่เป็นการลงทุนอย่างมีเหตุผล ตามข้อมูลที่คุณมีอยู่ในเวลานั้น

สิ่งสำคัญที่สุดคือ อย่าลงทุนเกินกำลังตัว ควรคำนึงถึงอายุ ทรัพย์สิน และภาระทางการเงินของตนเอง ก่อนที่จะวางแผนการลงทุนหรือการเทขาย นอกจากนี้ ควรวางแผนการขายไว้ล่วงหน้า ก่อนที่คุณจะเริ่มลงทุน ไม่ใช่รอให้ถึงเวลา แล้วค่อยมาคิดหาทางออกในภายหลัง ซึ่งการตัดสินใจขายสินทรัพย์บางส่วน หลังจากได้กำไรมามาก ๆ นั้นไม่ใช่การแสดงความกลัว แต่เป็นการ “จัดการความเสี่ยง” ที่ชาญฉลาด 

โปรดจำไว้เสมอว่า กำไรที่คุณยังไม่ได้ขายออกไป สามารถหายไปได้ตลอดเวลา

สุดท้าย คนที่ประสบความสำเร็จในคริปโตส่วนมาก อาจไม่ได้รวยเพราะกลยุทธ์ดีเสมอไป แต่เป็นเพราะ “โชค” เข้าข้างในจังหวะสำคัญต่างหาก การถือครองยาว ๆ ไม่ผิด
แต่ การถอนกำไร อย่างมีวินัยและสติ อาจเป็นสิ่งที่ทำให้คุณ “อยู่รอด” ในระยะยาวมากกว่า

ที่มา :  finance.yahoo