Conflux Network บล็อกเชน Layer 1 สัญชาติจีน จุดกระแสความร้อนแรงในวงการคริปโตอีกระลอก หลังประกาศเปิดตัว “Conflux 3.0” เวอร์ชันใหม่ที่เตรียมใช้งานในเดือนสิงหาคมนี้ ควบคู่กับแผนใหญ่ในการพัฒนา Stablecoin ที่ตรึงมูลค่ากับ “เงินหยวน” ร่วมกับพันธมิตรฟินเทคชื่อดังอย่าง AnchorX และบริษัท Eastcompeace Technology ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้น
ข้อมูลจากเว็บไซต์รัฐบาลนครเซี่ยงไฮ้เปิดเผยว่า การร่วมมือครั้งนี้ ถูกประกาศในงานประชุมของ Conflux เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยทั้งสามบริษัทมีเป้าหมายพัฒนา Stablecoin ที่สามารถนำไปใช้ในกลุ่มประเทศพันธมิตรของโครงการ Belt and Road Initiative (BRI) ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของรัฐบาลจีนในการเชื่อมโยงเศรษฐกิจโลก ผ่านการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน
ปัจจุบัน มีมากกว่า 140 ประเทศที่ร่วมลงนามกับจีนในโครงการ BRI ไม่ว่าจะเป็นสิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย หรือแม้แต่คาซัคสถาน ซึ่งการเปิดตัว Stablecoin หยวนจึงถือเป็นก้าวสำคัญที่อาจเปลี่ยนภูมิทัศน์การชำระเงินในระดับโลก
พร้อมกันนี้ Conflux ยังได้ยืนยันการเปิดตัวเครือข่ายเวอร์ชันใหม่ Conflux 3.0 ที่จะสามารถประมวลผลได้มากถึง 15,000 ธุรกรรมต่อวินาที (TPS) พร้อมรองรับการใช้งานในระดับข้ามประเทศ และการเชื่อมโยงกับสินทรัพย์ในโลกจริง ซึ่งนับเป็นการยกระดับศักยภาพของเครือข่ายให้เข้าใกล้ความเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินระดับโลก
ข่าวดีชุดใหญ่นี้ส่งผลให้ราคาเหรียญ CFX ของ Conflux ทะยานขึ้นถึง 121.38% ภายในวันเดียว โดยทำจุดสูงสุดที่ระดับ 0.234 ดอลลาร์ ท่ามกลางกระแสความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

จากข้อมูลล่าสุด ราคาเหรียญ CFX ยังมีการซื้อขายอยู่ที่ 0.2144 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้นกว่า 50% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และผลักดันมูลค่าตลาดรวมพุ่งแตะระดับประมาณ 1.1 พันล้านดอลลาร์ อ้างอิงจาก CoinMarketCap
ขณะที่หุ้นของ Eastcompeace Technology ก็ขานรับข่าวดีนี้ด้วยเช่นกัน โดยพุ่งขึ้นกว่า 10% แตะระดับ 20.33 หยวน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้นของวันนี้

ก่อนหน้านี้ Conflux เคยเปิดเผยในบล็อกอย่างเป็นทางการว่า AnchorX กำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการออกเหรียญ “AxCNH” ซึ่งเป็น Stablecoin ที่ผูกกับเงินหยวน โดยได้รับการสนับสนุนด้านเทคนิคจากเครือข่ายของ Conflux
กระแสความสนใจใน Stablecoin ยิ่งร้อนแรงขึ้น หลังผู้ว่าการธนาคารกลางจีน Pan Gongsheng ได้ออกมากล่าวเมื่อเดือนมิถุนายนว่าทั้ง Stablecoin และ CBDC (สกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง) กำลังกลายเป็นรากฐานใหม่ของระบบการชำระเงินโลก
อีกหนึ่งปัจจัยที่จุดกระแส Stablecoin หยวนให้แรงขึ้นก็คือ การที่ฮ่องกงกำลังจะเริ่มบังคับใช้กฎระเบียบใหม่ เกี่ยวกับการออก Stablecoin ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมนี้ ซึ่งจะเป็นการเปิดประตูสู่การกำกับดูแลที่มีความชัดเจน
ที่มา : theblock

