<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ก.ล.ต. ออกเกณฑ์ให้ “ผู้ประกอบธุรกิจคริปโต” ร่วมชดใช้ค่าเสียหายจากเหยื่อ “บัญชีม้า”

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ก.ล.ต. ได้ออกหลักเกณฑ์กำหนดมาตรฐาน และมาตรการเพื่อป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสำหรับผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ในการร่วมผิดชอบความเสียหาย (shared responsibility) หากละเลยไม่ได้ปฏิบัติตามมาตรฐานที่กำหนด จนเป็นเหตุให้ลูกค้าได้รับความเสียหาย ตาม พ.ร.ก. อาชญากรรมทางเทคโนโลยีฯ 

ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 13 สิงหาคม 2568 พร้อมผนึกกำลังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมจัดการบัญชีม้าสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เตือนประชาชนระมัดระวัง ไม่ตกเป็นเหยื่อ และหากรับจ้างเปิดบัญชีม้าจะมีความผิดตามกฎหมาย

ปัจจุบันการหลอกลวงลงทุนผ่านช่องทางออนไลน์ ถือเป็นภัยที่สร้างความเสียหายให้แก่ประชาชนไทยจำนวนมาก โดยอาศัยประโยชน์จากเทคโนโลยีในทางที่ผิดกฎหมาย ด้วยการใช้ “บัญชีม้าธนาคาร” เพื่อปกปิดตัวตนที่แท้จริงของผู้กระทำผิด และหลบเลี่ยงการถูกตรวจสอบ ตลอดจนการปรับเปลี่ยนมาใช้ “บัญชีม้าสินทรัพย์ดิจิทัล” ซึ่งมีความซับซ้อนมากกว่า บัญชีม้าธนาคาร เพื่อหลบเลี่ยงการสกัดกั้นและปราบปรามของหน่วยงานภาครัฐ

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล จึงออกหลักเกณฑ์กำหนดมาตรฐานและมาตรการเพื่อป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสำหรับ
ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ตามพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568* และเพิ่มการคุ้มครองแก่ผู้ลงทุน รวมทั้งเป็นส่วนหนึ่ง ในการช่วยจัดการปัญหาบัญชีม้าสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย โดยมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 13 สิงหาคม 2568**

สำหรับการดำเนินการสกัดกั้นบัญชีม้าสินทรัพย์ดิจิทัล ที่ผ่านมา ก.ล.ต. ได้ร่วมกับสมาคมการค้าผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลไทย (TDO) และผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลมาโดยตลอด รวมทั้งยกระดับการสกัดกั้นบัญชีม้าสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างจริงจัง และต่อเนื่อง 

โดยเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2568 ได้ร่วมกัน จัดทำมาตรฐานการดำเนินการสกัดกั้นบัญชีม้าสินทรัพย์ดิจิทัล (Industry Standard) สำหรับผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล โดย ก.ล.ต. ได้ติดตามการปฏิบัติงานของผู้ประกอบธุรกิจฯ ให้ดำเนินการตามมาตฐานดังกล่าวอย่างเคร่งครัด 

รวมทั้ง ก.ล.ต. ยังได้บูรณาการความร่วมมือกับ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ,ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.), สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.), สมาคมธนาคารไทย TDO และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ในการแลกเปลี่ยนข้อมูล เพื่อให้การป้องกันและปราบปรามบัญชีม้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ 

ปัจจุบันผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล จะได้รับข้อมูลรายชื่อบัญชีม้า จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการคัดกรองลูกค้า และได้ทำการสกัดกั้นบัญชีม้าสินทรัพย์ดิจิทัลได้แล้วกว่า 29,000 บัญชี รวมมูลค่าสินทรัพย์ที่อายัดไว้ได้ประมาณ 186 ล้านบาท (ตามยอดสะสม ณ 30 มิถุนายน 2568) 

นายเอนก อยู่ยืน รองเลขาธิการ และโฆษก ก.ล.ต. กล่าวว่า “ก.ล.ต. ขอให้ประชาชนระมัดระวังการทำธุรกรรมทางการเงิน เพื่อไม่ให้ตกเป็นผู้เสียหายจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และขอย้ำว่า การรับจ้างเปิดบัญชีม้าสินทรัพย์ดิจิทัล หรือการยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีสินทรัพย์ดิจิทัลในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี มีความผิดตามกฎหมาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.ก. อาชญากรรมทางเทคโนโลยีฯ”

หมายเหตุ :

* ตามพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 กำหนดให้สถาบันการเงิน, ผู้ประกอบธุรกิจบริการการชำระเงิน, ผู้ให้บริการโทรคมนาคม, ผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์ รวมถึงผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล มีส่วนร่วมรับผิดชอบในความเสียหาย หากละเลยไม่ได้ปฏิบัติตามมาตรฐาน และมาตรการป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่หน่วยงานกำกับดูแลกำหนด จนเป็นเหตุให้ลูกค้าได้รับความเสียหายจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี

** ประกาศของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ สธ. 22/2568 เรื่อง มาตรฐานและมาตรการ เพื่อป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสำหรับผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล