วงการคริปโทเคอร์เรนซีในสหรัฐอเมริกากำลังจะถึงจุดเปลี่ยนที่สำคัญ หลังจากที่ พอล แอตกินส์ (Paul Atkins) ประธาน SEC คนใหม่ ได้ออกมาให้ความเห็นที่ต่างออกไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงเกี่ยวกับสถานะของสินทรัพย์ดิจิทัล
ในงาน Wyoming Blockchain Symposium ที่เมือง Jackson Hole เมื่อไม่นานมานี้ ประธานแอตกินส์ ได้เปิดเผยถึงแนวทางใหม่ของหน่วยงาน SEC ในการจัดประเภทสินทรัพย์ดิจิทัล โดยเขามองว่า โทเค็นส่วนใหญ่ไม่ควรถูกมองว่าเป็น “หลักทรัพย์”
ประธานแอตกินส์ ได้กล่าวอย่างชัดเจนว่า “ในมุมมองของ SEC เราจะเดินหน้าต่อไปบนแนวคิดที่ว่า ตัวโทเค็นเองไม่จำเป็นต้องเป็นหลักทรัพย์เสมอไป และส่วนใหญ่ก็อาจจะไม่ใช่เลยด้วยซ้ำ ในความคิดของผม มีโทเค็นจำนวนน้อยมากที่จะเป็นหลักทรัพย์จริงๆ แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับว่าโทเค็นเหล่านั้นถูกนำเสนอ และขายในลักษณะใดมากกว่า”
แนวคิดของประธานแอตกินส์ ถือเป็นการเปลี่ยนทิศทางอย่างชัดเจนจาก แกรี เจนส์เลอร์ (Gary Gensler) อดีตประธาน SEC คนก่อนหน้า ที่เคยยืนยันว่าสินทรัพย์ดิจิทัลส่วนใหญ่เป็นหลักทรัพย์ตามเกณฑ์การทดสอบมาตรฐาน Howey Test
การจากไปของเจนส์เลอร์ ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ได้เปิดทางให้มีการทบทวนแนวทางใหม่ และการเข้ามาของประธาน Atkins ก็ดูเหมือนจะนำพา SEC ไปสู่ยุคใหม่ที่เปิดกว้างและเข้าใจโลกของคริปโทฯ มากขึ้น
แม้ว่าประธานแอตกินส์ จะมีอำนาจในการตีความกฎเกณฑ์ต่างๆ แต่สภาคองเกรสเอง ก็กำลังเร่งผลักดันกฎหมายเพื่อสร้างโครงสร้างที่ชัดเจนให้กับตลาดคริปโทฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งร่างกฎหมาย CLARITY Act ที่ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรแล้ว
ขณะนี้วุฒิสภากำลังพิจารณาร่างกฎหมาย CLARITY Act และคาดว่าจะมีการลงมติในช่วงเดือนกันยายนนี้ โดยมีสัญญาณเชิงบวกว่า สมาชิกทั้งจากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันอาจร่วมมือกันเพื่อผลักดันให้ร่างกฎหมายฉบับนี้ ให้เกิดขึ้นจริง
ที่มา:cointelegraph


