<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

[รายงานพิเศษ] มุมมองในอนาคตของ Stablecoin จาก Arthur Hayes ในงาน WebX 2025 โตเกียว

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

วันที่ 25 สิงหาคม 2568 ทีมงาน Siam Blockchain ได้เข้าร่วมงาน WebX 2025 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความคาดหวังและความตื่นเต้น เพื่อรับฟังข้อมูลเชิงลึกจากแนวหน้าวงการคริปโตเคอร์เรนซีระดับโลก

สิ่งที่เราได้รับฟังในงานครั้งนี้อาจจะเป็นการเปิดเผยข้อมูลที่สำคัญที่สุดชิ้นหนึ่งของปี จาก Arthur Hayes ผู้ร่วมก่อตั้งเว็บเทรดคริปโตฟิวเจอร์สชื่อดัง Bitmex ที่มาพร้อมกับมุมมองที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยได้ยินมาก่อน

Hayes เริ่มต้นด้วยการวิพากษ์วิจารณ์เงินเฟียตทุกสกุลอย่างไม่ไว้หน้า เขาระบุชัดเจนว่า “เงินเฟียตทุกสกุลเป็นขยะ” ไม่มีใครอยากได้เงินเป็นริงกิตของมาเลเซีย หรือแม้กระทั่งเงินบาทของไทย เพราะทุกคนต่างมองหาความมั่นคงในรูปของดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นเงินสกุลเฟียตที่ดีที่สุดในโลก แต่แล้วจุดเปลี่ยนก็มาถึง แม้กระทั่งดอลลาร์สหรัฐฯ ที่เคยเป็นป้อมปราการสุดท้ายของความเชื่อมั่นทางการเงิน ตอนนี้ก็กำลังเผชิญกับปัญหาร้ายแรงที่อาจจะทำให้ผู้คนต้องเปลี่ยนมุมมองไปโดยสิ้นเชิง

สิ่งที่น่าตกใจที่สุดคือตัวเลขที่ Hayes เปิดเผย พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่หลายคนยังคิดว่าเป็นการลงทุนที่ปลอดภัยที่สุดในโลก กลับกลายเป็นหายนะทางการเงินที่แท้จริง นับตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมา พันธบัตรเหล่านี้ได้สูญเสียมูลค่าแท้จริงไปมากกว่า 80% เมื่อเทียบกับทองคำ ตัวเลขนี้ไม่ใช่เรื่องเล่น มันแสดงให้เห็นถึงการพังทลายของระบบการเงินที่เราเคยเชื่อถือ ในขณะเดียวกัน แนวโน้มการลดการพึ่งพาดอลลาร์  (De-dollarization) ก็กำลังแพร่กระจายไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว หลายประเทศเริ่มหันไปกักตุนทองคำมากขึ้น เพื่อเป็นทางเลือกในการป้องกันความเสี่ยงจากการพึ่งพาดอลลาร์

ทว่า Hayes กลับมีมุมมองที่น่าสนใจเกี่ยวกับ Stablecoin ซึ่ง เขาเชื่อว่าสิ่งนี้จะกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่จะทำให้สหรัฐอเมริกากลับมาครองความเป็นหนึ่งในวงการสกุลเงินดิจิทัลอีกครั้ง การมาของ Stablecoin จะช่วยให้สหรัฐฯ สามารถควบคุม Eurodollar ได้มากขึ้น

Eurodollar คืออะไร ? 

หลายคนอาจจะไม่คุ้นเคยกับคำว่า “Eurodollar” แต่มันคือ หัวใจสำคัญของปัญหา Eurodollar คือเงินฝากดอลลาร์สหรัฐที่เก็บอยู่ในธนาคารนอกสหรัฐฯ ซึ่งเกิดขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่สอง และมีมูลค่าตลาดมหาศาลถึง 10-13 ล้านล้านดอลลาร์ จุดอ่อนของ Eurodollar คือการที่มันอยู่นอกเหนือการกำกับดูแลของสหรัฐฯ และเงินเหล่านี้ไม่ได้ถูกนำไปซื้อพันธบัตรสหรัฐ (T-bill) แต่เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น สหรัฐฯ ก็ต้องเข้ามา “อุ้ม” เหมือนเช่นเคย

Hayes เผยให้เห็นถึงแผนยุทธศาสตร์อันชาญฉลาดของสหรัฐฯ การนำ Stablecoin ดอลลาร์เข้ามาจะทำให้เงินจำนวนมหาศาลที่เคยอยู่นอกการควบคุม กลับมาอยู่ในมือของ รัฐมนตรีคลัง Scott Bessent มากกว่านั้น Stablecoin จะเปิดโอกาสให้ผู้คนทั่วโลกสามารถเปิดบัญชีธนาคารที่อิงกับดอลลาร์ได้ สิ่งนี้หมายความว่าคนในประเทศกำลังพัฒนาหรือชาวเอเชียที่ต้องการถือดอลลาร์ จะสามารถทำได้โดยตรงผ่าน Stablecoin

ที่น่าสนใจคือกลไกการทำงาน ผู้ออก Stablecoin จะต้องผูกค่าเงินแบบ 1:1 กับดอลลาร์ ซึ่งหมายความว่าพวกเขาจะต้องนำเงินไปซื้อพันธบัตรสหรัฐทุกครั้งที่ออกเหรียญใหม่ พูดง่าย ๆ อีกนัยหนึ่งก็คือผู้ออกเหรียญ Stablecoin จะกลายมาเป็นลูกค้ารายสำคัญให้กับรัฐบาล เพราะพวกเข้าต้องซื้อ T-bill ทุกราคาโดยไม่มีเงื่อนไข หมายความว่าเงินจำนวนกว่า 13 ล้านล้าน จะถูกเติมเข้ามาในตลาด และเงินเหล่านี้จะอยู่ภายใต้การจับตาจากสหรัฐฯ

มากไปกว่านั้น การที่ผู้ใช้สามารถเปิดบัญชีธนาคารสหรัฐฯ ได้ทางอ้อมผ่าน Stablecoin จะทำให้บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Instagram, X และแพลตฟอร์มอื่นๆ นำเหรียญเหล่านี้มาใช้งานภายในแพลตฟอร์มของตน ซึ่ง Hayes มองว่าตลาดเอเชีย ยกเว้นจีน รวมถึงทั่วโลกจะได้รับผลกระทบอย่างมากจากการเปลี่ยนแปลงนี้

หากรัฐบาลท้องถิ่นไม่ยอมรับการใช้งาน Stablecoin ภายในแพลตฟอร์มต่างๆ โดยอ้างว่าไม่สามารถตรวจสอบเส้นทางการเงินและธุรกรรมของผู้ใช้ได้ สหรัฐฯ ก็มี “ไม้เด็ด” มากมายที่พร้อมจะใช้บีบบังคับ ตั้งแต่การคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ ไปจนถึงการขึ้นภาษี ทำให้หน่วยงานกำกับดูแลของแต่ละประเทศแทบจะไม่สามารถต่อต้านได้  และสหรัฐฯจะเป็นผู้ครองตลาดโดยสมบูรณ์ รักษาตำแหน่งสกุลเงินหลักของโลกไว้ได้

Hayes ปิดท้ายด้วยการคาดการณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ เขาเชื่อมั่นว่ามูลค่าตลาดของ Stablecoin จะเติบโตทะยานสูงถึง 10 ล้านล้านดอลลาร์ และตลาดขาขึ้นรอบนี้จะอยู่ยาวนานถึงปี 2028 ช่วงเวลานี้จะตรงกับการสิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่งของรัฐบาลทรัมป์พอดี และหลังจากนั้น เขาคาดการณ์ว่าคริปโตเคอร์เรนซี่จะถูกเทขายอย่างหนักภายหลังจากนั้น

รายงานนี้เรียบเรียงจากข้อมูลที่ได้รับจากงาน WebX 2025 โดยทีมงาน Siam Blockchain