คีธ เคลลีย์ วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันจากรัฐอลาบามา เขต 12 ออกมาแสดงความกังวล หลังจากสภาคองเกรสได้ผ่านกฎหมาย GENIUS Act ซึ่งเป็นกฎหมาย Stablecoin ฉบับใหม่ ที่เพิ่งถูกประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เซ็นบังคับใช้ เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
ในบทความแสดงความคิดเห็นที่ตีพิมพ์ใน 1819 News เมื่อวันพุธที่ผ่านมา คีธ เคลลีย์ ชี้ให้เห็นถึงกลไกช่องโหว่ในกฎหมายนี้ ซึ่งหากถูกนำไปใช้ประโยชน์จริง อาจส่งผลกระทบถึงขั้น “ทำลายเศรษฐกิจ” ของพื้นที่ชนบทหลายแห่งในรัฐอลาบามาได้
คีธ เคลลีย์ ระบุว่า กฎหมายดังกล่าวได้เปิดช่องโหว่ให้ “แพลตฟอร์มคริปโตสามารถแจกจ่ายผลตอบแทนทางการเงินได้” ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้คนพากันถอนเงินหรือปิดบัญชีจากธนาคารชุมชนขนาดเล็กในรัฐ
“ต่างจากธนาคารใหญ่ๆ ธนาคารชุมชนต้องพึ่งพาเงินฝากของคนในพื้นที่ เพื่อใช้ในการปล่อยสินเชื่อ หากเงินฝากเหล่านี้หายไป ความสามารถในการปล่อยกู้ให้แก่ครอบครัว ผู้คนทั่วไป หรือธุรกิจขนาดเล็กในท้องถิ่นก็จะถูกจำกัดลงทันที”
คีธ เคลลีย์ ยังเสริมอีกว่า สำหรับชุมชนเกษตรกรที่จำเป็นต้องใช้เงินทุนหมุนเวียนตามฤดูกาล การขาดแหล่งเงินกู้ที่ไว้ใจได้ อาจกลายเป็น “หายนะ” ได้เลยทีเดียว
แม้ว่ากฎหมาย GENIUS Act จะถูกลงนาม เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคมที่ผ่านมา แต่ยังไม่มีผลบังคับใช้ในทันที เนื่องจากกระทรวงการคลังสหรัฐฯ และธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะต้องออกกฎหมายย่อยเพิ่มเติมก่อน โดยกระทรวงการคลัง เริ่มเปิดรับฟังความคิดเห็นจากสาธารณะตั้งแต่เดือนสิงหาคม ซึ่งเน้นไปที่มาตรการในการตรวจจับกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย
ส่วนฝ่ายที่สนับสนุนกฎหมาย GENIUS Act มองว่า กฎหมายนี้จะช่วย “ส่งเสริมนวัตกรรม” เข้าสู่สหรัฐฯ เพราะเป็นการสร้างความชัดเจนทางกฎหมายให้กับผู้ให้บริการ Stablecoin แต่ในทางกลับกัน ฝ่ายที่คัดค้านก็ออกมาเตือนว่า กฎหมายดังกล่าวยังคงมีปัญหาหลายด้าน ทั้งเรื่องของช่องโหว่ และความเสี่ยงจากการจ่ายผลตอบแทนผ่านช่องทางที่ไม่ปกติ
คีธ เคลลีย์ กล่าวสรุปว่า “การที่กฎหมายอนุญาตให้บริษัทคริปโตทำตัวเป็นเหมือนธนาคาร แจกจ่ายผลตอบแทนหรือรางวัลต่างๆ โดยไม่ต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์เดียวกันกับธนาคารทั่วไป มันไม่ใช่นวัตกรรม แต่มันคือการ การหาประโยชน์จากช่องว่างของกฎหมาย ซึ่งกำลังนำความมั่นคงของครอบครัวชาวอเมริกันและเศรษฐกิจในท้องถิ่นไปเสี่ยง”
เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา สถาบัน Bank Policy Institute ก็ได้ออกมาเตือนในทำนองเดียวกันว่า กฎหมาย GENIUS Act อาจเป็นสาเหตุให้เงินฝากกว่า 6.6 ล้านล้านดอลลาร์ไหลออกจากระบบธนาคารแบบดั้งเดิม ซึ่งจะทำให้ระบบการปล่อยสินเชื่อเพื่อสนับสนุนชุมชนต่างๆ หยุดชะงักได้ในที่สุด
ที่มา : cointelegraph

