ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมากระแสการพูดถึง “Government Shutdown” หรือการปิดทำการของรัฐบาลสหรัฐฯ ได้เริ่มแพร่สะพัดและกลายเป็นที่จับตามากขึ้นในหมู่นักลงทุนทั่วโลก โดยข้อมูลล่าสุดจาก Polymarket ชี้ให้เห็นว่ากว่า 68% ของนักลงทุนยังเชื่อว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นจริง
Government Shutdown คืออะไร?
Government Shutdown หรือ การปิดทำการของรัฐบาล คือภาวะที่รัฐบาลกลางของสหรัฐอเมริกาต้อง หยุดการดำเนินงานและบริการที่ไม่จำเป็นลงชั่วคราว สาเหตุหลักเกิดจากสภาคองเกรส (ฝ่ายนิติบัญญัติ) ไม่สามารถผ่านร่างกฎหมายงบประมาณเพื่อจัดสรรเงินทุนให้กับหน่วยงานของรัฐให้ทันกำหนดเส้นตายสิ้นปีงบประมาณ (วันที่ 30 กันยายน) ซึ่งเป็นผลมาจากความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างพรรคต่างๆ ในการจัดทำงบประมาณประจำปี หากไม่สามารถตกลงกันได้ รัฐบาลก็ไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะใช้จ่ายเงินต่อได้
เมื่อเกิดการ Shutdown สิ่งที่ตามมาทันทีคือ เจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางที่ถือว่าเป็น “บุคลากรที่ไม่จำเป็น” จะถูกพักงานและไม่ได้รับค่าจ้าง ขณะที่บุคลากรที่จำเป็นต่อความมั่นคงและสาธารณสุข เช่น ทหาร ตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยการบิน จะยังคงต้องทำงานแต่จะ ไม่ได้รับค่าจ้างทันที บริการสาธารณะที่ไม่จำเป็นจะหยุดลง เช่น อุทยานแห่งชาติและพิพิธภัณฑ์ และบริการสำคัญอื่นๆ เช่น การทำหนังสือเดินทาง หรือการออกใบอนุญาต ก็จะเกิดความล่าช้าอย่างมาก
ในแง่ของเศรษฐกิจ การ Shutdown ก่อให้เกิดความไม่แน่นอนในตลาดการเงิน เนื่องจากรัฐบาลจะ ระงับการเปิดเผยตัวเลขและข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ เช่น รายงานการจ้างงานหรือตัวเลข GDP ทำให้นักลงทุนไม่สามารถประเมินสภาวะเศรษฐกิจได้อย่างแม่นยำ ยิ่งการ Shutdown กินเวลานานเท่าไหร่ ก็ยิ่งสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจในวงกว้างมากขึ้นเท่านั้น เนื่องจากกิจกรรมของรัฐบาลและธุรกรรมต่างๆ ที่ต้องอาศัยการอนุมัติของรัฐบาลจะหยุดชะงักลงตามไปด้วย
ตลาดคริปโตจะได้รับผลกระทบอะไร?
ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีมีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบจากภาวะ Government Shutdown สองด้านหลัก ๆ ด้านแรกคือ ด้านราคาและความผันผวนของตลาด โดยทั่วไปแล้ว เมื่อรัฐบาลปิดทำการ ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจจะสูงขึ้น ทำให้นักลงทุนมีแนวโน้มที่จะ ชะลอการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งรวมถึงคริปโตด้วย ตามสถิติในอดีต ภาวะดังกล่าวเคยส่งผลให้ราคาของสินทรัพย์เสี่ยงโดยรวมย่อตัวลงอย่างรุนแรง และเราได้เห็นสัญญาณล่วงหน้าแล้วจากเงินทุนที่ไหลออกจาก ETF และการที่ตลาดคริปโตยังไม่สามารถฟื้นตัวจากแรงเทขายครั้งใหญ่ในสัปดาห์ก่อน
ผลกระทบสำคัญอีกประการหนึ่งคือ ความล่าช้าด้านกฎระเบียบและการอนุมัติที่สำคัญ หน่วยงานกำกับดูแลของรัฐบาลกลางที่เกี่ยวข้องกับคริปโตโดยตรง เช่น สำนักงาน ก.ล.ต. (SEC) และ คณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้า (CFTC) อาจต้องหยุดชะงักการดำเนินงานที่ไม่จำเป็นลง กิจกรรมที่สำคัญต่ออนาคตของตลาดคริปโต เช่น การพิจารณาอนุมัติกองทุน Spot Altcoins ETF หรือการออกกฎหมายใหม่ๆ เพื่อกำกับดูแลอุตสาหกรรม อาจถูกระงับหรือเลื่อนออกไป ซึ่งยิ่งเพิ่มความคลุมเครือและยืดเยื้อความไม่แน่นอนด้านกฎหมายให้กับตลาด
แม้ว่าประวัติศาสตร์จะแสดงให้เห็นว่า Government Shutdown เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง เช่น ในสมัยประธานาธิบดีทรัมป์ในวาระที่ผ่านมา กินเวลายาวนานถึง 35 วัน และสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล แต่นักลงทุนในตลาดคริปโตยังคงมีความหวังลึก ๆ ว่า เดือนตุลาคมนี้จะยังคงเป็น “Uptober” ที่ตลาดสามารถกลับมาฟื้นตัวได้ตามแนวโน้มในอดีต โดยไม่ถูกแรงกดดันจากการปิดทำการของรัฐบาลเหมือนที่เคยเป็นมา
ที่มา : Cryptoslate

