“วิทัย รัตนากร” ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนใหม่ เตรียมนำทีมลดดอกเบี้ยอีกครั้งในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะเป็นการปรับลดครั้งที่ 4 ของปี 2568 เพื่อพยุงเศรษฐกิจไทยที่กำลังถูกกดดันจากค่าเงินบาทแข็ง ราคาสินค้าที่ตกต่ำ และกำลังซื้อในประเทศที่ชะลอตัว
การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันนี้คาดว่าจะมีมติลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25 จุด เหลือ 1.25% ซึ่งจะเป็นบททดสอบแรกของผู้ว่าฯ วิทัย ว่าเขาจะนำพานโยบายการเงินไทยไปในทิศทางใด หลังจากประกาศแนวทาง “นโยบายการเงินที่เป็นมิตรและยืดหยุ่น” เพื่อกระตุ้นการเติบโตโดยไม่ให้ธปท. ถูกแทรกแซงทางการเมือง
นับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2568 ธปท. ได้ลดดอกเบี้ยนโยบายรวมแล้ว 1% เพื่อหนุนเศรษฐกิจหลังโควิด แต่หลายฝ่ายเชื่อว่ายังไม่เพียงพอ นักเศรษฐศาสตร์ส่วนหนึ่งมองว่า อาจต้องเร่งลดดอกเบี้ยเพิ่มอีกในช่วงครึ่งปีหลัง เพราะเศรษฐกิจไทยยังโตช้าและเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำมาก
ด้านนักวิเคราะห์จาก Standard Chartered ประเมินว่า ธปท. อาจลดแรงถึง 0.5% ขณะที่ Citigroup คาดว่า จะลดเพียง 0.25% แต่เตือนว่า หากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวหรือการส่งออกของไทยยังซบเซา ธปท. อาจต้องใช้มาตรการที่เข้มข้นกว่านี้ในปลายปี
ค่าเงินบาทที่แข็งค่าเกินไปเป็นอีกปัจจัยที่กดดันเศรษฐกิจ โดยเงินบาทแข็งขึ้นกว่า 5% ในรอบ 6 เดือน กลายเป็นสกุลเงินที่แข็งที่สุดอันดับ 3 ในเอเชีย แม้จะช่วยลดต้นทุนนำเข้า แต่กลับทำให้สินค้าส่งออกไทยแพงขึ้นและกระทบต่อการท่องเที่ยว เพราะนักท่องเที่ยวรู้สึกว่า “เที่ยวไทยแพงเกินไป”
นักวิเคราะห์ชี้ว่า เงินบาทแข็งมาจากกระแสเงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าตลาดหุ้นและพันธบัตรไทย หลังนักลงทุนคาดว่า รัฐบาลใหม่ภายใต้การนำของอนุทิน ชาญวีรกูล จะเดินหน้าอัดฉีดงบกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม แต่ในขณะเดียวกันก็เริ่มมีความกังวลว่า การใช้จ่ายภาครัฐที่มากเกินไปอาจทำให้หนี้สาธารณะเพิ่ม และกระทบความเชื่อมั่นทางการคลังในระยะยาว
การประชุม กนง. เวลา 14.00 น. วันนี้ จึงถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด ทั้งจากนักลงทุนในประเทศและต่างชาติ ว่าผู้ว่าฯ วิทัยจะส่งสัญญาณอย่างไรต่ออนาคตของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ ลดแรงเพื่อพยุงเศรษฐกิจ หรือค่อยเป็นค่อยไปเพื่อรักษาเสถียรภาพของค่าเงินบาท
ที่มา : cryptopolitan

