เมื่อวันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่จังหวัดสุรินทร์ เกิดกระแสชาวบ้านหลายช่วงวัย ตั้งแต่วัยรุ่น วัยทำงาน ไปจนถึงผู้สูงอายุ ทยอยเดินทางไป “สแกนม่านตา” เพื่อแลกรับเหรียญคริปโตเคอร์เรนซี มูลค่าประมาณ 500 บาท แม้จะมีการแจ้งเตือนถึงความเสี่ยงเรื่องข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหลก็ตาม ด้านฝ่ายปกครองอำเภอเมืองสุรินทร์ยอมรับว่า ทำได้เพียงตักเตือนประชาชน เนื่องจากยังไม่มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดี
จากการตรวจสอบที่ร้านค้าอุปกรณ์ไอทีแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามวิทยาลัยชื่อดังในตัวเมืองสุรินทร์ พบว่ายังคงมีชาวบ้านหมุนเวียนมารอคิวใช้บริการอย่างต่อเนื่อง โดยร้านดังกล่าวเปิดรับสแกนม่านตาในลักษณะนี้มานานเกือบ 1 ปีแล้ว
จากการสอบถามกลุ่มชาวบ้านที่เดินทางมาจาก อ.ลำดวน ซึ่งอยู่ห่างออกไปราว 30 กม. ทราบว่า ได้รับการแนะนำจากเพื่อน โดยมองว่าไม่น่ากังวลหรือเป็นเรื่องหลอกลวง เนื่องจากไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ และไม่ต้องใช้ข้อมูลบัตรประชาชน ส่วนสาเหตุที่ต้องสแกนม่านตา ได้รับคำชี้แจงจากผู้ให้บริการว่า “เป็นการยืนยันตัวตนว่าเป็นมนุษย์ ไม่ใช่หุ่นยนต์” แม้จะเคยเห็นข่าวตักเตือนเรื่องความปลอดภัยของข้อมูล แต่ก็ไม่รู้สึกกลัวเพราะตนเองไม่ได้ลงทุนอะไร
ด้าน น.ส.อรนุช เสนะชัย ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง อ.เมืองสุรินทร์ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสุรินทร์ พร้อมด้วยฝ่ายปกครอง ได้เข้าตรวจสอบสถานที่ดังกล่าวแล้ว แต่ยอมรับว่า “ไม่สามารถดำเนินการทางกฎหมายได้” เนื่องจากกระบวนการยังไม่เข้าข่ายความผิด และที่สำคัญคือ “ยังไม่มีผู้เสียหาย” เข้ามาร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรม
ปลัดอำเภออธิบายเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันชาวบ้านมองว่าการได้รับเงิน 500 บาท หรือบางรายได้ค่าแนะนำ (ค่าหัวคิว) เป็น “ผลประโยชน์” จึงไม่มีใครรู้สึกว่าตนเองได้รับความเสียหาย แม้ว่ากรมการปกครองจะเคยออกหนังสือแจ้งเตือนประชาชนแล้วเมื่อ 2 เดือนก่อน ถึงความเสี่ยงที่ข้อมูลม่านตา ซึ่งเป็นอัตลักษณ์บุคคลขั้นสูง (เทียบเท่าลายนิ้วมือหรือ DNA) อาจถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดในอนาคตได้ แต่ตราบใดที่ยังไม่มีผู้เสียหายแจ้งความ ทางอำเภอก็ทำได้เพียงการแจ้งเตือนประชาชนเท่านั้น
ที่มา:matichon