ในงาน Bitkub Summit 2025 ที่รวมเหล่ากูรูและนักลงทุนระดับประเทศอย่าง คุณจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา (ชาร์คท๊อป), คุณชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ (ชาร์คจิง), และคุณกฤษน์ ศรีชวาลา (ชาร์คกฤษน์) มานั่งวิเคราะห์อนาคต คำถามสำคัญที่ถูกยกขึ้นมาคือ หากต้องเลือกลงทุนในธุรกิจของประเทศไทยได้เพียง 1 อย่าง พวกเขาจะเลือกอะไร
ชาร์คท๊อป: เดิมพันกับจุดแข็งของชาติ Longevity ในยุค Super Aging
สำหรับในประเทศไทย ชาร์คท๊อป จิรายุส ให้คำตอบที่มองข้ามกระแสอย่างคริปโตและ AI ไปสู่สิ่งที่ประเทศไทยแข็งแกร่งที่สุด โดยเขาชี้ว่า ในภาพรวมระดับโลก เทรนด์ที่น่าสนใจคือ Crypto, AI, และ Longevity หรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการยืดอายุและสุขภาพ แต่เมื่อเจาะจงที่ประเทศไทย คำตอบเดียวที่โดดเด่นคือ Super Aging Economy
ชาร์คท๊อปวิเคราะห์ว่า ประเทศไทยมีจุดแข็งด้าน Hospitality ที่ไม่มีใครเทียบได้ และนี่คือสิ่งที่ชาวต่างชาติอยากมาสัมผัส ต่างจากประเทศที่อากาศร้อนจัด การที่ไทยมีภูเขาสวย ทะเลสวย ทำให้คนอยากเดินทางเข้ามา ซึ่งนำไปสู่การลงทุนในสิ่งที่ประเทศไทยแข็งแรงอยู่แล้ว นั่นคือธุรกิจที่ตอบโจทย์ Longevity หรือการดูแลสุขภาพสำหรับสังคมสูงวัย
ชาร์คจิง มองไปในทิศทางเดียวกัน
ชาร์คจิง-ชนาพรรณ เห็นด้วยกับแนวคิดของชาร์คท๊อปอย่างชัดเจนในเรื่อง Longevity โดยเสริมว่า คนไทยมีความเก่งกาจในด้านการแพทย์และการดูแลสุขภาพ ซึ่งสามารถผนวกเข้ากับเทคโนโลยี AI ได้อย่างลงตัว
ชาร์คจิงยังให้ความสนใจเป็นพิเศษกับ Climate Tech (เทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม) ด้วยความเชื่อที่ว่า ผู้บริโภคในอนาคตจะเลือกสินค้าที่รักโลก หากราคาเท่ากัน
ชาร์คกฤษน์ มองแนวคิด “Back to Basic”
ขณะที่ ชาร์คกฤษน์ มองในมุมที่ “Back to Basic” หรือการกลับสู่พื้นฐาน โดยยกตัวอย่างธุรกิจ Life Style Sport & Fitness เช่น สนามแบดมินตัน ซาวน่า หรือฟิตเนส ซึ่งทุกอย่างล้วนเชื่อมโยงกับแนวคิด Longevity และการดูแลสุขภาพพื้นฐาน เขายกตัวอย่างกระแสแฟชั่นอย่าง Uniqlo ที่กลับมาขายดีมากในปัจจุบัน เพื่อย้ำว่าผู้คนกำลังกลับไปให้ความสำคัญกับสิ่งที่เรียบง่ายและยั่งยืน
สรุปได้ว่า ทั้งสามชาร์คต่างเทน้ำหนักไปที่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและการยืดอายุ (Longevity) โดยใช้จุดแข็งของประเทศไทยด้าน Hospitality, ความเก่งกาจทางการแพทย์ และแนวโน้มที่ผู้คนจะกลับไปสู่การดูแลตนเองขั้นพื้นฐานเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจลงทุน

